วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

ของเล่นที่เหมาะสมกับวัย มักสอดคล้องกับความสนใจของเด็ก

ไม่ว่าจะเป็นของเล่นหรือเกมหรือสิ่งที่จะฝึกฝนให้ลูกทำได้ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องคำนึงถึงวัยของเด็กมาก่อน หลายคนมักเข้าใจผิดพอมีคำว่าของเล่น นั้นก็เหมารวมว่าเด็กต้องชอบ พอเด็กไม่ชอบก็อาจจะเกิดการคาดคั้นให้เด็กเล่น ก็ยังไม่ถึงวัยของผมหรือของหนูนี่น่า การจะฝึกหรือการจะให้เล่นเกมใด ๆ (เกมในที่นี้ครอบครัวเราไม่ได้หมายถึงเกมคอมพิวเตอร์นะคะ) เกมทั่วไปที่ต้องใช้ร่างกายในการเล่นนะคะ ต้องมองถึงวัยของลูกมาก่อน เช่น สมมติว่ามีของเล่นที่เกี่ยวกับตัวอักษรหรือตัวเลข ก็ไม่ใช่โอ้ยอยากจะให้ลูกต้องรู้ตัวเลขเร็ว ๆ สอนเข้าไปหนึ่งนะสองนะสามนะ แต่ว่าเค้าไม่เข้าใจเลยอะไรคือหนึ่งสองสาม หรือบางครั้ง ไปสอนเอ้า เอานี่นะบวกกันได้เท่าไหร่กับเด็กสามขวบ(ลูกคนอื่นอาจจะทำได้) แต่ว่าลูกของเราบอกได้เลยยังทำไม่ได้เเน่นอนเพราะว่าลูกของเราเน้นพัฒนาการตรงตามวัยไม่ใช่ไกลเกินวัยเค้าต้องเข้าใจในสิ่งที่วุฒิภาวะของเค้ารับได้ความสามารถทางสมองของเค้ารับได้ เด็กสามขวบเค้ายังไม่ค่อยจะเข้าใจเลยเรื่องว่า จำนวนที่เค้านับ เหมือนเพิ่งจะเริ่มเข้าใจจำนวนที่กำลังจะนับ แต่ว่าการเอาสัญลักษณ์มาเเทนนั้นต้องค่อยเป็นค่อยไปและต้องสามารถรู้เเล้วว่าจำนวนที่พูดไปปาว ๆ ว่า หนึ่ง ถึง สิบ มันคือสิ่งของที่เพิ่มขึ้นเท่าไหร่อย่างไร ครอบครัวเราไม่เน้นท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง และเมื่อเค้าทราบถึงจำนวนที่เพิ่มขึ้นหมายถึงนับสิ่งของเข้าใจเเล้วว่าของเท่านี้คือจำนวนเท่านี้เราก็ค่อย ๆ เขยิบสอนเอาไปผนวกกับตัวเลขซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ทำทีละขั้นทีละตอน ไม่ใช่สอนเสร็จ นี่หนึ่งนะ เอ้าเอาหนึ่งมาบวกกับสี่สิได้เท่าไหร่ ได้ยินเเล้วจะเป็นลม(ที่บอกเช่นนี้เพราะว่าเคยได้ยิน) พอเด็กไม่สนใจก็กล่าวหาเช่นเดิมว่า ไม่มีความมุ่งมั่น แต่ว่าลืมมองตัวเองว่า เอ้ยเราให้อะไรเหมาะสมกับวัยคนรึเปล่าเนี่ยเราใจร้อนชอบใส่ปู่ยเร่งอีกเเล้ว
ครอบครัวเราเน้นวางสิ่งเร้าไว้ให้เค้าเห็นชักชวนเค้าให้เล่นแต่ว่าถ้าเจ้าตัวไม่อยากไม่เคยมีการบังคับใด ๆทั้งสิ้น ทุกสิ่งจะเกิดผลดีก่อต่อเมื่อเค้าพร้อมจะเรียนรู้วันนี้เค้าไม่สนวันหน้าเค้าก็สนเอง ไม่มีการมาพูดว่าเล่นต้องเล่น เราไม่เคยชักชวนให้ลูกเปลี่ยนกิจกรรมมากมายในชณะที่เค้ายังใจจดใจจ่อยากทำสิ่งนั้น ๆ อยู่ ทำไมเค้าอยากเล่นทรายเล่นของเล่นตักชั่งวัดเทของเค้าเองนาน ๆ เราต้องไปขัดจังหวะการเรียนรู้ของเค้า หรือว่าในบางครั้งที่เค้าอยากจะวาดรูปต้องไปเเทรกเค้าว่าวาดอะไรทำไรนี่ นั้น นู้น มากมาย หรือบางครั้งเค้าอยากจะเล่นรถ ทำไมต้องเล่นเเบบชนกัน(ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ลืมคิดว่าการเรียนรู้เลียนแบบของเด็ก คือ ผ่านการเล่น) ทีตอนเล่นรถบอกให้ชนกันเลยทีตอนอื่นอะบอกว่าอย่านะอย่าชนอย่านั้นนี่นะ งง พอเด็กมาขี่จักรยานกันเอ้า ๆ อย่าชนกันสิ เอ้าในเมื่อกี้ยังเล่นรถยังสอนให้เล่นชนกันอยู่เลยผู้ใหญ่นี่น่า งงจริงๆ การจะพูดจะสอนอะไรเด็กเราต้องเป็นเเม่แบบที่ดีให้เห็นไม่ใช้สอนไม่ดีเองพอเด็กทำเอ้าคนโดนดุคือเด็กนะคะไม่เห้นมีใครย้อนไปว่าคนสอนเลย

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

ไปเรียนรู้การสอนเด็กตามเเนวมอนเตสซอรี

ประมาณวันที่ 17-18 มกราคม ม่าม๊าได้มีโอกาสไปเรียนรู้การใช้อุปกรณ์การสอนเด็กตามเเนวมอนเตสซอรีมา ได้ความรู้ใหม่ ๆมาเยอะเเยะเลย เรื่องการสอนหรือว่าเรื่องการพูดกับเด็กซึ่งบางทีเราจะรู้สึกว่าทำไมพูดไปยิ่งเหมือนแบบเค้ายิ่งทำในสิ่งที่เราไม่อยากให้ทำนะ เช่นสมมิตว่า เรื่องสวัสดี โอ้ยปัญหาจริง ๆคุณโชกุนยิ่งโดนบังคับให้ทำให้พูดให้ไหว้ยิ่งไม่ทำ ม่าม๊าเลยถามผู้ฝึกอบรมว่าทำไงดีคะ เค้าได้ตอบมาว่าเราไม่ต้องไปดุเค้านะว่า ทำไมไม่ทำ ทำสิ เราแค่ ทักทายเค้าก่อน เเล้วเเค่ทวงว่า แล้วสวัสดีครูยังครับ (ในกรณีคุยกับครู) ถ้าเด็กไม่ทำก็ไม่เป็นไรทำซ้ำเหมือนเดิมอีก สวัสดีครับเป็นไงบ้าง เเล้วสวัสดีครู(ใครก็ตามที่คุยด้วย) หรือยังเอ่ย ถ้ายังไม่ทำก็ไม่ต้องคาดคั้นทำซ้ำๆ เค้าจะรู้สึกว่าคนนี้เป็นมิตรเเล้วเค้าจะทักทายเราเองอย่างที่เราทักทายเค้า ใจเย็น สอนเด็กต้องมีความอดทนเป็นเเม่แบบให้กับเด็กเเล้วอย่าตำหนิเด็กถ้าทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการในทันที(อันนี้ม่ามีาแอบเสียใจเล็กน้อย)เพราะว่าเคยแอบถามลูกว่า ทำไมลูกไม่ทำครับ ทำไมบอกแบบนี้ไม่ทำ อะไรทำนองนี้พอมาฟังอ๋อเราคาดคั้นเค้าเกินไป ผู้ใหญ่ในสังคมคาดหวังอีกเเล้วเลยเฮ้อปล่อยไป เพราะว่าส่วนตัวเคยเจอคุณแม่อยู่คนนึงลูกอายุพอๆ กับลูกเราเค้าบอกให้ลูกสวัสดีเราลูกไม่สวัสดีเค้าไม่ว่าอะไรลูกเลย เเต่ว่าเชื้อเชิญลูกให้เข้ามาคุ้นเคยกับเราเเทน ไปสักพักเด็กคุ้นกับเรานานวันเค้าทักเราเองจริงๆ ด้วย เหมือนกับว่าเด็กมีสิทธิ์เเละมีพื้นที่ส่วนตัวพอสมควร ถ้าเค้าเห็นว่าผู้ใหญ่ไม่เห็นทักทายกันแบบที่สั่งให้เค้าทำแล้วเค้าจะทำทำไมอะไรทำนองนี้
ส่วนอีกเรื่อง คือเรื่องการปล่อยให้เด็กทำงานของตัวเอง อย่ารบกวน
ส่วนมากผู้ใหญ่มักจะถามกันตลอดเวลา นี่อะไรวาดอะไรไหนวาดวงกลมสิวาดนั้นสินี่สิ การสอนเด็กตามเเนวมอนเตสซอรี จะปล่อยให้เด็กทำงานไปอย่างเงียบ ๆเสร็จเเล้วค่อยถาม(อันนี้ม่าม๊าก็ทำกับโชกุน)คือไม่ต้องไปรบกวนเค้ามากปล่อยให้จินตนาการความคิดไหลลื่นไปก่อนให้เค้ามีสมาธิจดจ่อในสิ่งที่ทำนั้น ๆ ให้เค้าทำงานของเค้าให้เสร็จเราค่อยเข้าไปแทรกว่าอะไรทำไมไม่เช่นนั้นสิ่งที่เค้าจะตอบเราคือสิ่งที่เราชี้นำ เช่น นี่วาดอะไร อ๋อโทรศัพท์เหรอลูก ลุกก็จะตอบว่าโทรศัพท์ คือจริง ๆเค้าอาจจะไม่ได้วาดรูปนั้นก็ได้ แต่ว่าตอบตามที่ผู้ใหญ่ชี้นำ คือม่ามีาเห็นด้วยกับอันนี้คือควรปล่อยให้เด็กได้คิดเอง
และการสอนเด็กต้องสอนทีละขั้นทีละตอนช้า ๆ ทุกเรื่องให้เด็กเห็นขั้นตอนไม่ใช้่ ทำอะไรเร็ว ๆไปทุกสิ่งเเล้วจะให้เด็กทำตามทันทีอาศัยทำบ่อย ทำช้าแต่ว่าทำได้ชัวร์
และยังมีอีกหลายเรื่องแต่ว่ากิจกรรมที่ได้ร่ำเรียนมานั้นยังไม่มีโอกาสได้เขียนเลยเดี่ยวไว้จะค่อย ๆทำลงมานะครับเอาไว้โชกุนมาอ่านตอนโตจะได้รู้ว่าม่ามีาสอนอะไรบ้างตอนอายุสามขวบห้าเดือน

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

วงจรชีวิตผีเสื้อ ภาคสอง(อันนี้เห็นของจริง ๆ)

วันนี้ตอนบ่ายอากาศดีไม่มีแดดหลังจากที่โชกุนตื่นนอนจากการนอนกลางวันเเล้ว เราสองคนก็ออกไปที่อุทยานแมลงกัน คราวนี้เราได้เข้าไปในเรือนเพาะเลี้ยงตัวอ่อนกัน โชคดีมากเราเห็นวงจรชีวิตของผีเสื้อกันแบบเต็ม ๆ ม่าม๊าตั้งเเต่เล็กจนมาตอนนี้เพิ่งเคยเห็นไข่ผีเสื้อ เเละตอนที่หนอนออกจากไข่ตัวมันเล็กมากเล็กอย่างไม่น่าเชื่อ ว่ามันจะกินจนอวบอิ่มได้ขนาดนั้น ม่าม๊าก็เป็นผลผลิตจากการเรียนในหนังสือที่มีแต่รูปภาพวงกลมชี้ด้วยลูกศรว่าวงจรชีวิตผีเสื้อไม่เคยเห็นของจริงเต็ม ๆ เพิ่งมาได้เห็นเพราะว่าสอนลูก ตอนอายุเท่าโชกุนม่าม๊าไม่เคยรู้เลยว่าผีเสื้อมันต้องวางไข่ยังไงที่ไหน เเล้วเป็นหนอนเเบบไหน เป็นผลผลิตที่มาจากการเรียนแบบในห้องเรียนล้วน ๆ พอมีลูกเเล้วเลยไม่ได้ลูกควรจะเห็นของจริง ๆ มากกว่า หรือ เรียนอะไรที่สามารถจับต้องได้ มันเข้าใจมากกว่าในความคิดม่าม๊านะ คือเอาสิ่งที่ตัวเองเคยไม่เข้าใจมาเป็นเเนวทางในการสอนให้โชกุน แล้วม่าม๊าจะพูดอะไรมากมายนี่ เรามาดูรูปกันดีกว่า





วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

ระบายสีขนมปัง





เปลี่ยนจากระบายสีบนกระดาษ บนกระจก บนพื้น มาเป็นระบายบนขนมปังกันบ้าง เปลี่ยนบรรรยากาศ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

ขนมปังแผ่น สีผสมอาหารหลากหลายสีเพื่อความสนุก อาจจะมีลูกเกดเพื่อให้เค้าตกเเต่งขนมปังได้ด้วย (อันนี้เลือกเอาในสิ่งที่เค้าชอบทานหรือว่าสิ่งที่มีอยู่ในบ้าน) แปรงที่สำหรับทาบนของกินได้ โชกุนระบาย ๆ และระบายจนสีมันเข้มมากตอนเเรกม่าม๊าว่าจะให้ทาเเล้วกินเอง สุดท้ายไม่เอาดีกว่าถึงจะเป็นสีผสมอาหารแต่ว่าเข้มซะขนาดนั้นม่าม๊าเลยเอาไปให้หมากินแทน ดีว่าเตรียมขนมปังให้เเค่สองแผ่น ไม่งั้นเปลืองเเย่ อิอิ

วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

สานกระดาษ

วันนี้ม่าม๊าเอากิจกรรม สานกระดาษ มาให้โชกุนเล่น ม่าม๊าเอามาจากหนังสือ ฝึกให้หนูลงมือทำ กิจกรรมตามเเนวคิดมอนเตสซอรี หาซื้อได้ตามร้านขายหนังสือทั่วไป ในเล่มมีกิจกรรมมากมายที่เราสามารถสร้างสรรค์ให้กันเองจากสิ่งของในบ้าน (ถูกและดีอีกแล้ว)
กิจกรรมสานกระดาษ จะช่วยสอนเรื่องการเย็บเบี้องต้นเป็นอย่างดี ที่มาจากบาทความในหนังสือ (ในส่วนตัวม่าม๊าว่าก็ฝึกกล้ามเนื้อมืออีกเช่นเคยนั้นละเพราะว่าวัยนี้เป็นวัยสำคัญที่จะต้องพัมนากล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ให้ใช้งานได้อย่างคล่องเเคล่วต่อไปในวันข้างหน้า) เพราะว่าใช้วิธีสอดใต้และข้ามบนเหมือนกัน ใช้กระดาษสีหลาย ๆ สีเด็กก็จะสนุกและเรียนรู้สีเพิ่มขึ้น และที่สำคัญฝึกสมาธิอีกด้วย ลองทำกันดูนะจ๊ะ ม่ามี๊ที่มีลูกวัยเดียวกัน

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

butterfly cycle book by mama

4 มกราคม วันนี้เราเรียนรู้วงจรชีวิตของผีเสื้อกัน ม่าม๊าอยากทำหนังสือที่เข้าใจง่าย ๆ เเล้วจับต้องได้เลยมาชวนกันทำหนังสือกัน butterfly cycle โชกุนนั่งดูนั่งช่วย ทำไปอธิบายไปเอาไว้อ่านกันได้หลาย ๆ รอบ วิธีการที่เราสองคนประดิษฐ์มีดังนี้ครับ



เริ่มกันด้วยเราต้องออกไปที่สนามหญ้าเก็บใบไม้สักสามสี่ใบ เพราะว่าผีเสื้อจะวางไข่บนใบไม้ เเละเมื่อเป็นหนอนก็จะกินใบไม้




แล้วเราก็เริ่มกันเลย ม่าม๊าทำผีเสื้อไว้ให้เเล้ว เราก็เล่นกันว่า ผีเสื้อกำลังบิน แล้วจะมาวางไข่บนใบไม้ ม่าม๊าก็ทำง่ายมากคือเอาใบไม้ที่เก็บมาแปะติดกับกระดาษส่วนตัวผีเสื้อก็ปริ้นภาพออกมาเสียบกับไม้เสียบลูกชิ้น









เเล้วเราก็เอาดินน้ำมันมาทำเป็นก้อนกลม ๆ สมมติว่าเป็นไข่ของผีเสื้อวางไข่ไปบนใบไม้








หลังจากนั้นก็ทำหนอนจากการปั้นดินน้ำมันนั้นเองเป็นตัวกลม ๆ วางบนใบไม้ และขั้นตอนที่เป็นดักแด้เราก็ใช้ดินน้ำมันปั้น เเล้วเอาไหมพรมพันให้รอบ เพราะว่าตอนที่อธิบายคือต้องบอกว่า caterpillar will spin silk to cover itself เลยพอดีเลยเห็นภาพขึ้นมานิดนึง


สุดท้าย หนังสือที่เสร็จเรียบร้อยแต่ว่ายังไม่ได้เย็บรวมเป็นเล่ม




เรื่องนี้โชกุนก็ได้รู้ศัพท์เพิ่มขึ้นอีกสามคำจากการช่วยกันประดิษฐ์หนังสือเล่มนี้



caterpillar



pupa



chrysalis




วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

เรียนรู้หลากหลายในการเล่นครั้งเดียว



การเล่นนั้นสอดเเทรกการเรียนรู้ให้กับเด็กได้มากมายหลายเรื่องมากในการเล่นของพวกเค้าแต่ละครั้ง อย่างเช่นวันนี้ที่โชกุนเล่น ก็มีเล่นบทบทสมมติ (เปิดร้านขายชานมไข่มุก) ม่าม๊าต้มสาคูเอามาให้ตักสมมติว่าเป็นไข่มุก เเล้วก็ให้ไว้ขยำจับสัมผัสเล่น เล่นการเทน้ำไปมาในภาชนะที่หลากหลาย ก็ได้เรียนรู้การกะปริมาณจากการเทน้ำจากภาชนะหนึ่งไปอีกภาชนะหนึ่ง เล่นเพื่อพัฒนาทักษะทางการสื่อสาร ขายของ มีบทสนทนาที่ม่าม๊าพูดคุยด้วยสมมติว่าตัวเองเป็นลูกค้า เรียนรู้คณิตศาสตร์จากการนับจำนวนแก้วจำนวนครั้ง การซื้อขายของ ในการเทน้ำหรือตักน้ำ เป็นต้น





ในการเล่นของเด็กนั้นสำคัญมากเค้าได้เรียนรู้จากความสนุกเเละความสุขไม่ต้องมานั่งคร่ำเคร่งว่านี่คือการเรียนเลขนะ ต้องนับสิต้องรุู้นะว่านี่เลขอะไร แต่เค้าได้เรียนรู้คณิตศาตร์จากการทำที่เค้าได้นับจากสิ่งทีาเค้าได้ลงมือกระทำจริง ๆและเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่เค้าเรียนรู้ หรือ เค้าได้เรียนรู้การกะปริมาณของน้ำเองและได้ฝึกการเทของเหลวถ่ายจากภาชนะหนึ่งไปอีกภาชนะหนึ่งโดยที่ไม่ต้องกลัวหกเลอะเทะ ครั้งเเรก ๆ จะมีพลาดหลัง ๆ ก็น้อยลงน้อย (จะบอกว่าไม่มีหกเลยก็คงจะเกินไป )




มีสิ่งให้เรียนรู้ผ่านการเล่นมากมาย ในชีวิตของเด็ก อย่าลืมนะจ๊ะ สอนเด็กผ่านการเล่นเราก็สนุกเค้าก็สนุก เรียนรู้อย่างสนุก เเล้วเราจะเห็นว่า เค้ามีพลังมากมายที่จะเรียนรู้

วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

ทำบ้านไก่

กิจกรรมยามว่างของเราสองคน ประดิษฐ์นั้นนี้เเล้วก็เล่านิทาน วันนี้เป็นบ้านไก่ นั่ง ๆ กันอยู่มีอุปกรณ์เลยมาประดิษฐ์กัน ให้โชกุนเลี้ยงพี่ไก่จากการเล่นวันนี้โชกุนก็ได้เรียนรู้ส่วนต่าง ๆของไก่ ตอนเเรกก็ประดิษฐ์ด้วยกันอยู่หรอกพอหลัง ๆ ม่าม๊าทำดีกว่าโชกุนจะรอเล่นอย่างเดียว ไม่ว่ากันคราวหน้าเราก็จะประดิษฐ์อย่างอื่นกันอีกทำให้เหมือนฟาร์มเลย เอาไว้เล่นกัน กิจกกรรมนี้ลูกสามารถเล่นสมมติเลี้ยงไก่ หรือว่า เล่านิทานจากการเล่นของเค้า เค้าก็จะทำตามเรื่องตามราวในสิ่งที่เค้าอยากจะนึกจะคิดออกมาเเม่ก็เป็นคนเล่นด้วยไปกับเค้านั้นเอง สนุกกันไปอีกแบบได้เล่นแบบนี้อีกครั้ง