วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

แม่ส้ม ผู้เขียน หนังสือ ทำไมต้องโฮมสคูล

เราสามคนได้มีโอกาสไปร่วมประชุม การจัดการศึกษาแบบโฮมสคูลมาที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีเรื่องราวต่าง ๆมากมายที่ทำให้เราได้รับความรู้ และส่วนที่ม่าม๊าชอบมากที่สุดคือ ช่วงที่แม่ส้มมาพูดให้กำลังใจ
การไปร่วมสมัชชาครั้งนี้ ทำให้รู้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวทั่วประเทศไทยที่ได้จัดการศึกษาลูกเอง ทำให้มีกำลังใจ โดยเฉพาะแม่ส้มที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ดีใจจัง
ยังไงขออนุญาตินำวิดีโอมาเเบ่งปันนะคะ


                                                          ขอบคุณแม่ส้มมากคะ

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ช่วยทำงาน

ช่วยทำงานครับวันนี้โชกุนช่วยแพคของไปขายครับมีไข่เป็ด กับผักปลอดสารจากไร่เราเอง ขอบอกว่าขายดีนะคะ อย่างว่าของปลอดสารเคมีมีน้อยเราไม่เน้นขายเยอะๆ มีเท่าไหร่แบ่งไว้กินก่อนที่เหลือขาย โชกุนได้ร่วมทำความสะอาดไข่เป็ด แต่แตกไปหนึ่ง แต่ว่าอย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าต้องจับเบา ๆ วาง เบา ๆ เเล้วเราก็เรียนเลขกันเหมือนเดิม นับจำนวนไข่ใส่ถุง ชั่งน้ำหนักผักได้อ่านเลขที่ตราชั่งและได้เรียนรู้ว่าการเตรียมของไปขายทำยังไงเอาของไปส่งทำยังไง เห็ยมั้ยว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่เเทรกได้ทุกกิจกรรมไม่จำเป็นต้องไปนั่งเรียนอย่างเดียวทำให้กิจกรรมเเทรกในชีวิตเราแล้วลูกจะสนุกที่ได้เรียนรู้ เรียนจากสื่อในชีวิตจริง สิ่งที่โชกุนได้แถมจากการเรียนรู้คือ ความภูมิใจที่ได้ช่วยทำงาน แค่นี้ถือว่าคุ้มมากเเล้วคะสำหรับการเรียนรู้ของเด็กวัยสามสี่ขวบ








วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ฝึกตัดแปะ รอบที่เท่าไหร่เเล้วไม่รู้

ม่าม๊ามักจะมีกิจกรรมตอนบ่ายเวลาที่อากาศร้อนแล้วเราไม่สามารถออกไปมีกิจกรรมนอกบ้านได้ ไว้ให้โชกุนทำ กิจกรรมก็วนไปมาแต่ว่ามันก็มีระดับความยากขึ้นตามทักษะที่เพิ่มมากขึ้น
เช่น การใช้กรรไกร การนำภาพมาประกอบรวมกัน เป็นต้น อย่างเช่นกิจกรรมนี้
โชกุนสามารถตัดกระกาษตามรอยได้ค่อยข้างดีเลยทีเดียว แล้วนำมาประกอบเป็นรูปร่างได้หลังจากการดูวิธีที่ม่าม๊าทำ ลองดูภาพเอานะครับ

ตัดรูปตามรอบประ

ด้านซ้ายตัวที่ม่าม๊าตัด ขวาของโชกุน



ม่าม๊าทำให้สำเร็จออกมาก่อน โชกุนเลียนแบบทำตามเอง

ทากาวเพื่อจะติดบนกระดาษ


ออกมาเหมือนกันด้านซ้ายของม่าม๊า ขวาโชกุน (เอ่อแต่ว่าทำไมภาพมันต้องหมุนแบบนี้ด้วย) ปรับไม่เป็น
โชกุนอยากติดกลิตเตอร์ไม่อยากระบายสี


ไปทำนามา

โชกุนได้มีโอกาสไปช่วยป๊าปลูกข้าวที่ไร่มา ในวันที่ 9 พ.ค. 2555 อากาศร้อนมาก โชกุนบอกอยากช่วย สุดท้ายทนแดดร้อยไม่ไหว กลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อน กลับมาช่วยอีกทีตอนแดดร่มลมตกม่าม๊าเก็บรูปมาให้โชกุนไว้ดูตอนโตด้วย ม่าม๊าป่าป๊าต้องการให้โชกุนสามารถทำงานแบบนี้เป็นทำงานได้ เพราะว่าถ้าเราปลูกผักได้ปลูกข้าวเป็น ยังไงเราก็ไม่อด อีกหน่อยไม่แน่มีเงินก็ซื้อข้าวไม่ได้นะ เราทำเองเป็นดีที่สุด ถามว่าตอนนี้สอนหมายความว่าลูกจะทำได้เลยมั้ย ทำยังไม่ได้หรอกแต่ว่าซึมซับไปเรื่อย ๆว่า วิธีการเป็นแบบนี้ ครอบครัวเรามีอาชีพทางเกาตรกรรมลูกต้องทำต้องมีส่วนร่วมไม่ใช่อะไรก็ให้ลูกน้องทำทุกสิ่งอย่าง เเล้วอ้างว่าลูกยังเด็ก เพราะว่าการทำเเบบนี้ เด็กกำลังอยากรู้อยากเห็นอยากมีส่วนร่วมถ้าเราปิดกั้นอะไร ๆ ก็อ้างว่าเด็กอยู่ เท่ากับเราปิดโอกาสทางการอยากรู้และโอกาสที่จะได้สัมผัสของจริง ๆ ลูกต้องรู้ ต้องสัมผัสว่าวิธีการคืออย่างไร ป่าป๊าม่าม๊าเชื่อว่า วันข้างหน้าวันหนึ่งโชกุนจะทำได้ และ ทำเป็น






วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ให้ลูกมีส่วนร่วมในการทำอาหารและใช้มีด

บ้านเราให้ลูกมีส่วนร่วมในการทำกิจวัตรประจำวันอยู่เเล้ว และสิ่งทีี่ทำทุกวันนั้นก็กคือการทำอาหาร ลูกอยากใช้มีดลูกได้ใช้ (อันเดียวกับของผู้ใหญ่เลยนะคะ) แต่ว่าเวลาใช้เราต้องบอกวิธีที่ถูกต้องและควบคุมการใช้ตอนแรก ๆ หลังจากนั้นสบายมากเค้าสามารถใช้และระวัง ได้เอง แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องคอยสังเกตดูนะคะ






ผลที่ได้จากการที่เราให้เค้าทำก็คือ เค้าได้เรียนรู้วิธีการใช้ของมีคม และระมัดระวังเอง และสามารถช่วยหัดผักง่าย ๆ ได้ เค้ารู้สึกว่าเค้สมีความมั่นใจทำได้ ไม่ได้เจอแต่คำว่า ทำไม่ได้หรอกยังเด็ก บ้านเรามีแต่ ได้ลองทำดูมาแต่ว่าต้องทำด้วยกัน ต้องระวังยังไง (ในสิ่งที่ให้ลองได้นะคะไม่ใช้ลองต่อไฟเอง อันนี้ก็แนวเวอร์ไปนิด อะไรที่อันตรายเกินไปเราก็บอกเค้าว่าอันนี้ต้องโตอีกนิดนะลูกต้องมีความระวังมากกว่านี้ก่อนเเล้วค่อยมาทำด้วยกันตอนนี้ดูวิธีการไปก่อนนะ เราจะไม่บอกตัดเลยว่า โอยทำไม่ได้ ๆ อะไรก็ทำไม่ได้ เด็กเซ็งอะคะ อะไรก็ทำไม่ได้ไม่ต้องทำยังเด็กอยู่ อยากทำอะไรที่สามารถให้เค้าทำได้ลองเลยคะ ในการควบคุมดูแลของผู้ใหญ่นะคะ

น้ำอัดลม ขนมกรุบกรอบ

พูดถึงเรื่องน้ำอัดลม หลากหลายยี่ห้อในบ้านเราที่มีขายมากมายจนจำไม่หมด แต่ว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่โชกุนไม่เคยได้ลองลิ้มชิมรส ฮั่นแน่เราเชื่อว่าหลายคนที่ให้ลูกได้ชิม ก็เริ่มมีความคิดที่ว่า แหม ม่าม๊าแนนปิดกั้นลูกอีกละใช่มะคะ

ครอบครัวเราไม่เคยปิดกั้นลูกเลยคะ แต่ว่าเราทำเป็นแบบอย่าง เราสามารถดำรงชีวิตปกติคะ ไปงานเลี้ยงที่มีน้ำอัดลมตั้งอยู่ ไปสถานที่ที่มีจำหน่ายได้ปกติคะ และลูกก็ปกติไม่ได้เรียกร้องอะไร รู้จักว่านั้นคือน้ำอัดลม

เรื่องง่าย ๆ วิธีง่าย ๆ เลยก็คือ พ่อแม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมคะ ไม่ดื่มน้ำอัดลม หรือ ขนมถุงกรุบกรอบเป็นอาชีพ (บ้านเราไม่ดื่มจนเลิกอยากดื่มไปเองเเล้วอะคะ ธรรมดาก็ไม่ค่อยดื่มกันอยู่เเล้ว) จริง ๆ ขนมถุงโชกุนได้กินบ้างบางอย่างนะคะ เช่น ปลาเส้น ทาโร่ สาหร่าย กินบ้าง

ทำไมต้องไม่ให้ทานสองสิ่งนี้
- เราไม่ต้องการให้โชกุนเป็นเด็กที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นอาชีพ เพราะว่าการที่เด็กได้ลิ้มรสเเล้วมีให้ดื่มบ่อยๆแน่นอนติดแน่นอนพอติด สิ่งที่ตามมามีมากมายหลายอย่าง น้ำตาลเยอะ ฟันผุ ตัวม่าม๊าเองตอนเด็กเคยกินจนกัดกะเพาะกินทุกวัน จนเป็นอาชีพ ติดจนไม่สบาย

-ส่วนขนมกรุบกรอบก็เช่นเดียวกัน พอได้กินก็อร่อย พออร่อยก็เลิกไม่ได้ ไปทีไรก็ต้องซื้อ เพราะว่าขนมพวกนี้อร่อย

สิ่งที่เราทำมาตลอดก็คือไม่กินเป็นแบบอย่าง แล้วไปสถานที่ที่มีจำหน่ายก็คือไม่ซื้อ เฉย ๆ ซื้้อแต่สิ่งที่เค้ากินได้ เค้าก็ไมสนใจสิ่งพวกนี้ไปเอง เค้าเคยเห็น เด็กคนอื่น กินอมยิ้มเค้าก็บอกว่าอยากกินเหมือนกัน ม่าม๊าก็ตอบไปเฉย ๆว่า อ๋อ ได้ครับ กินได้ แต่ว่า พอกินเเล้วติดใจกินบ่อย ๆ ฟันคงผุนะ โชกุนโอเคมั้ยอะครับ ได้ผลอะคะ คือ น้ำเชี่ยวแต่ว่าไม่เอาเรือขวางไหลไปก่อน พูดให้ฟังว่า ถ้ากินแล้วจะเป็นไง พอดีพูดแล้วเข้าใจเลยรอด พูดไปเฉย ๆ ไม่กระโตกกระตาก ว่า ว้ายไม่ได้ นั้นี่นู้น
แต่ว่าในที่นี้เรามีกฏของเราไว้ว่าเราจะไม่ให้เค้ากินก็คือต้องพูดยังไงก็ได้ ว่า สุดท้ายคำตอบก็คือกินไม่ได้ บ้านเราแนวทุกอย่างใช้คุยอะคะ อะไรได้คือได้ อะไรไม่ได้ก็คือไมได้ แนว  Yes means Yes / No means No ไม่มี เดี่ยวได้เดี่ยวไมได้เลยพูดง่าย
เพราะว่าเด็กจับทางเราได้ถ้าเราไม่มีกฎชัดเจน

 แต่ว่าการที่เราจะไม่ให้เค้าทำอะไรเราไม่เคยขู่ แบบไร้สาระและไม่เป็นความจริงนะคะ เช่น ผี สาง นางไม้ ตุีกแกกินตับไตใส้พุง มันตลกอะคะ เหมือนว่า นี่คนเลี้ยงทำไมไมคิดก่อนจะพูดตกลงกับเค้าให้มันเป็นความจริง ทำไมต้องเอาเรื่องอะไรที่มันไม่จริงมาหลอกเด็ก(ดังนั้นใครว่างานเลี้ยงเด็กง่าย เป็นงานที่ต้องใช้สมองนะคะ เพราะว่ากำลังสร้างคนอยู่ อย่ามักง่ายในการสร้างเงื่อนไขกับเด็ก เพราะว่าถ้าเรามักง่าย สิ่งที่ตามมาคือการแก้ปัญหานะคะ เช่น บางคนชอบหลอกผี แล้วเด็กก็กลัวผี พอกลัวผี ก็โอ้ยผีไม่มีจริงลูก ไม่เข้าใจว่าตอนเเรกจะไปหลอกเพื่ออออออะไรไม่ทราบ หลอกเองแก้เองแล้วแก้ไม่ได้นะคะเรื่องแบบนี้ ) เคยได้ยิน มีคนหลอกลูกว่า ถ้ากินอันนี้นะ เดี๋ยวตุ๊กแกจะเข้าไปกินฟันในปาก (คือ.... สิ่งที่ได้คือเด็กไม่กิน แตว่าไม่กินไม่ใช่เพราะว่าเข้าใจว่ากินเเล้วจะเกิดผลเสียยังไง แต่ว่ามันเป็นว่า เค้าไม่กินเพราะว่าเค้ากลัวตุ๊กแกเข้าไปกินฟันเค้า  เรื่องนี้มันไม่จริง ดังนั้นมันหลอกเด็กได้แค่ชั่วเดี่ยวชั่วด๋าว เมื่อเวลาที่เค้ารู้เรื่องมาถึงเค้าก็กินอยู่ดี) เราสร้างเราควรสร้างคนที่เข้าใจในสิ่งที่มันเป็นความจริงไปเลย เข้าใจไปเลย และที่สำคัญคือต้นเเบบ นั้นคือพ่อแม่นั้นเอง อยากให้ลูก มีพฤติกรรมยังไงเราก็ทำแบบนั้น นั้นเอง