วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โชกุนประดิษฐ์ ปลาหมึก

วันนี้นั่งกันอยู่ดีดีม่าม๊าทำงานนิดหน่อย สงสัย เอ้ทำไมโชกุนเงียบจังน้า เลยแอบมองดู เอ้านั่งตัด ๆ อะไรนี่ ยังไม่รบกวนดีกว่ารอจนเค้าทำเสร็จ(เเค่ว่าแอบถ่ายรูปนิดนึง เด็ก hs บางทีต้องมีภาพเป็นหลักฐานบ้าง) อิอิ พอเสร็จเค้าเอามาโชว์ม่าม๊า โชกุนทำปลาหมึกมีเติมลาย เติมตา เติมหน้าให้ปลาหมึกด้วย














และต่อจากนั้นก็บอกว่า ม่าม๊าเรามาทำ แมงกระพรุนกันมั้ย ให้ม่าม๊าช่วยตัดโชกุนเอามาประกอบกันเอง







กิจกรรมนี้ โชกุน ได้ใช้จินตนาการเองล้วน ๆ เเละได้ฝึกสมาธิทำงาน ให้เสร็จลุล่วง ฝึกการตัด (เหมือนเดิม) ใช้มือ ใช้ภาษาพูดอธิบายสิ่งที่ตัวเองทำ




สิ่งที่เห็นว่าโชกุนพัฒนาขึ้นก็คือ สามารถเลือกกระดาษมาทำเองตามจินตนาการของตัวเอง มีการเติมเเต่งให้สวยงาม

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อาชีพแม่

อาชีพที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผู้หญิง คือ อาชีพ แม่ แต่ว่าแปลกมาก เมื่อมีใครถามว่าทำงานอะไร แล้วเราตอบว่า ทำงานเป็นแม่ คะดูเเลลูก สีหน้าของคนที่ถามจะทำหน้าเหมือนสงสาร แปลก ๆ ไงไม่รู้ บ้างก็พูดทำนองว่า เสียดายความรู้ที่เรียนมา ทำไมมาเลี้ยงลูก บอกตรง ๆว่า ตกใจว่า ทำไมละมันผิดตรงไหนที่เราเรียนมาเเล้วเราเลือกที่จะเอาวิชาที่เรียนมามาดูลูกแล้วมันผิดตรงไหนละนี่ที่เราเรียนมา เเล้วเราจะดูเเลลูก แปลกจริง วัยที่สำคัญเเละเป็นรากฐานสร้างคน ก็วัยเด็ก เเล้วเรามาดูเเลลูกที่ยังอยู่ในวัยเด็ก เอาใจใส่เต็มที่ มันผิดด้วยรึนี่ หรือบางคนก็บอกว่าโหยอิจฉาสบายอะวันๆไม่ต้องทำอะไรเเค่ดูลูก ขอบอกว่า งานหนักกว่าทำงานออฟฟิตนะคะ ไม่มีเวลามาเเว็ป เล่นเน็ต หรือว่าอยู่บ้านนั่งดูทีวีนะคะ และเราก็ไม่ได้มีใครมาช่วยเลี้ยง (เพราะว่าเราขี้เกียจมาบอกว่าให้ทำนั้นนี่นะนี่คือกฎของเราขีเกียจคอยระวังเพ่ิม)
อาชีพที่สำคัญที่สุดแต่ว่าโดนคน มองว่าแปลก และมองดูถูก จังเลย
สังคมมักจะให้เกียรติอาชีพที่ได้แต่งตัวสวย ๆ มีฐานะหน้าตาทางสังคม แต่ว่าไม่เคยยกย่อง คนที่ดูแล และสร้างคนเลย
ถามว่าคุ้มมั้ยที่ไม่ทำงานเเล้วมาเลี้ยงลูก ถ้ามองแต่เงิน หรือว่าคุยกับคนที่ไม่ได้เลี้ยงลูก ตอบให้ตายยังไงก็ไม่คุ้มหรอก เพราะว่าลูกให้ใครเลี้ยงก็โตเหมือนกัน เหมือนลูกหมานั้นละใครเลี้ยงก็โต ถ้าจะมองแค่ว่าเลี้ยงให้โตเดี่ยวก็เข้า โรงเรียนเเล้ว (มันช่างง่ายเสียนี่กระไร เราเองเลี้ยงมาโหทำไมเลี้ยงเด็กเหนื่อยอย่างนี้ ทำไมมีปัญหาให้แก้ตลอดเวลา ถ้าเราอ้างว่าไม่มีเวลาใส่ใจลูกหรอก ชาตินี้ทั้งชาติก็จะไม่มีคำว่า มีเวลาหรอก เพราะว่าเค้าก็โตขึ้นปัญหาก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ) แต่ว่า มันเป็นเรื่องของข้างในจิตใจมากกว่า เราจะไปทราบได้ยังไง ว่าคนที่เราไว้ใจให้เราดูลูก เราเค้าจะรู้วิธีการพูดกับเด็ก หรือ รักลูกเรามากเเค่ไหน
เราไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกนะ แต่ว่ามีทางเลือกก็เลี้ยงก่อนก็ได้มั้ง เเล้วค่อยกลับไปทำงาน พอเค้าเข้าโรงเรียนค่อยว่าเรื่องงานกันใหม่ งานอะหาได้แต่ว่าวัยเด็กของลูกจะให้หามาอีกไม่ได้นะจ๊ะ แต่ว่าถ้าลาออกไม่ได้จริง ๆ ก็ควรทุ่มเทเวลาเต็มที่ช่วงเย็น เอาเค้าเข้านอนอ่านนิทาน วันเสาร์อาทิตเต็มที่กับเค้าดีกว่า
ปล ยืนยันเหมือนเดิมว่า อันนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ได้ว่าว่าตัวเองถูกหรือคนอื่นผิด แต่ว่าเเค่อยากให้คนทุกคน ใส่ใจเจ้าตัวเล็ก เยอะๆๆๆๆๆๆเท่าที่จะเยอะได้ เพราะว่าทุกสิ่งสร้างได้ในวัยเด็กอะคะ

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สอนลูกว่ายน้ำ










หลายครอบครัวมีไม่มากก็น้อยคงจะส่งลูกให้กับคุณครูที่สอนว่ายน้ำ ด้วยเหตุผลที่อาจจะคิดว่าคุณครูจะต้องรู้เยอะกว่าเรา จริง ๆ เเล้วสำหรับเด็กเล็ก ๆ จนถึงเด็กประถม เราสองคนคิดว่าพ่อแม่ควรลงไปเล่นน้ำเป็นเพื่อนลูกเพื่อให้ลูกรู้สึกมั่นคงปลอดภัย อุ่นใจเเล้วเค้าจะมีความสุขในการเรียนรู้ของเค้าเอง



แต่ว่าเราสองคนอยากจะบอกว่าถ้าพ่อแม่ไม่อยากลงไปเล่นน้ำกับลูกจริง ๆ หรือว่าติดธุระมากมายจริง ๆ ควรจะเฟ้นหาครูที่เข้าใจเด็กมาสอนลูกจริง ๆ หาครูที่ใจเย็นหรือครูที่พร้อมจะฟังว่าเราต้องการอะไรแค่ไหน ถ้าเป็นไปได้ใจเราสองคนจริง ๆอยากให้ไปที่ที่ให้พ่อแม่ลงไปเรียนกับลูก ถึงจะว่ายไปเป็นก็ควรที่จะต้องลงไปกับลูก ที่ยกประเด็นนี้มาไม่ใช่อะไร คือ จากประสบการณ์จริง ๆ ที่ระหว่างที่เราสามคนเล่นน้ำกันอยู่เราต้องได้ยินเสียงครูที่สอนว่ายน้ำที่พ่อแม่เกือบจะทุกครอบครัว เชื่อใจมั่นใจฝากลูกไว้กับเค้า ว่าเด็ก ตำหนิเด็ก มากมาย เราสงสารว่า เด็กน้อยทำไมพ่อแม่มั่นใจครูแบบนี้ให้มาสอนนี่ เวลาที่เล่นน้ำควรเป็นสิ่งที่สนุกไม่ใช่สิ่งที่เครียด และในปัจจุบันมีสถานที่สอนว่ายน้ำเด็กเล็กมากมายที่สอนเป็นขั้นเป็นตอนครูผ่านการอบรมเข้าใจเด็กเล็กมา เเละที่สำคัญพ่อแม่ต้องลงด้วย พ่อแม่ที่มีโอกาสควรจะเลือกสถานที่เเบบนั้นถ้าอยากจะให้ลูกเรียนจริง ๆ แต่ว่าเราสองคนจะบอกว่าจริง ๆ ครูชั้นเลิศที่ดีที่สุดสำหรับลูกไม่ต้องไปแสวงหาเลย คือ ตัวพ่อแม่เอง เพราะว่าเข้าใจลูก และลูกไว้ใจมากที่สุดว่ายวันละนิดเล่นวันละหน่อย เค้าจะว่ายน้ำไม่เป็นก็ให้มันรู้ไป



เราสองคนประเด็นหลัก ๆที่ให้เค้าว่ายน้ำ คือหากิจกรรมให้เค้าทำและอยากให้เค้าสนุกคุ้นเคยกับน้ำ ไม่เคยคาดหวังว่าลูกจะต้องว่ายให้ได้ภายในอายุเท่านี้ ๆ ประเด็นของเราอย่างเดียวคือความสุข แต่ว่าสิ่งที่เราสองทำมันได้มากกว่านั้นคือ เค้าคุ้นเคย และ พยายามเลียนแบบวิธีการกลั้นหายใจการดำน้ำ การลอยตัวมาเป็นลำดับขั้น โดยที่เราสองคนลงไปเล่นกับลูกตลอด (ม่าม้าอาจจะไม่ทุกวันแต่ว่าจะลงให้มากที่สุดเท่าที่จะลงได้)




เราสองคนไม่ชอบการใช้คำท้าทายหรือคำที่ไม่ภาคภูมิใจในสิ่งที่เค้าทำ เช่น



ทำได้แค่นี้เองนะเหรอดูเพื่อนสินั้นว่ายน้ำเค้าทำอย่างนี้


-จะพูดแบบนี้เพื่ออะไร ผม ไม่ได้จะไปเป็นนักว่ายน้ำทีมชาติ



กล้ารึเปล่าที่จะว่าย อะ


-จะพูดเเบบนี้เพื่ออะไร ผมอยากเล่นสนุกในน้ำ มีอะไรน่ากลัว ต้องมาถามผมว่ากล้ามั้ย



ทำไมไม่ทำละทำสิ


-จะพูดแบบนี้เพื่ออะไร ทีผู้ใหญ่วันนี้อาจจะอยากทำสิ่งนี้ไม่อยากทำสิ่งนั้นทำไมผมต้องอยากทำสิ่งเดียวกับผุ้ใหญ่ด้วยเหรอ



กลัวจมมั้ย


-จะพูดแบบนี้เพื้่ออะไร ก็ผมยังว่ายน้ำไม่เป็นก็ช่วยเหลือผมก่อนสิครับ จะต้องรีบปล่อยมือผมทำไมให้ผมตื่นกลัวกับน้ำถามหน่อยถ้าปล่อยผู้ใหญ่ที่ถามไปในทะเลลึก ๆ ถามหน่อยกลัวจมมั้ยละ สระว่ายน้ำก็ลึกนะครับสำหรับผมอะ



ไหนไม่เห็นจะทำอะไรได้ได้เลย คนอื่นเค้าไปไหนกันเเล้ว


-จะพูดเพื่ออะไร ชีวิตนี้เเข่งกับตัวเองบ้างสิ



แค่นี้ก็ไม่กล้า(คำนี้ขอบอกว่า ไม่ชอบมากเวลาได้ยินผุู้ใหญ่ดูถูกเด็ก) ผุ้ใหญ่ลืมคิดไปว่าตัวเองอายุเท่าไหร่ เด็กอายุเท่าไหร่ เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กที่จะทำทุกสิ่งได้เหมือนเราทุกอย่าง


-จะพูดเพื่ออะไร ผมอายุเท่าไหร่ลองย้อนไปตอนผู้ใหญ่อายุเท่าผม ผมว่าก็คงรู้สึกเหมือนผมหน่ะ เอาใจเค้ามาใส่ใจเราบ้าง



ต้องทำให้ได้นะต้องว่ายให้เป็น


-จะพูดเพื่ออะไร ถึงว่ายไม่เป็นตอนนี้วันนึงผมก็ว่ายเป็นครับ



เป็นต้น


คำพูดเหล่านี้ท้าทายแต่ว่าไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อจิตใจเด็กเลย ในความคิดของเราสองคน เพราะว่าเราสองคนไม่ชอบการท้าทาย เเละยิ่งการท้าทายในเวลาที่ไม่เหมาะสมเราสองคนคิดว่ามีแต่ส่งผลร้ายให้กับเด็ก หรือการบีบบังคับให้ทำอะไรที่เค้าไม่อยากทำเช่นกันเหมือนที่พูดมาเเล้วในเรื่องที่เเเล้วว่าของเล่นไม่เหมาะสมกับวัย กับความสนใจของเด็ก ถ้ามันไม่มาในทิศทางเดียวกัน มันเป็นเรื่องยากที่เด็กจะอยากทำและอยากจะทำให้ดี



เราเน้นในเรื่องจังหวะและเวลาที่เหมาะสม ดอกไม้จะบานสวยงามเมื่อเวลาที่เหมาะสม ใจต้องเย็นอดทนมองเห็นความสามารถและความภูมิใจไปกับเค้าทีละขั้นไม่ต้องเร่งต้องรีบไปซะทุกเรื่อง เราก็มีความสุขเพราะว่าไม่คาดหวังสูง ลูกก็สุข ที่เค้าภูมิใจในสิ่งที่เค้าทำได้ การให้กำลังใจสำคัญกว่าการท้าทายหรือตำหนิเด็กเล็ก



ถึงว่ายมาเป็นปี ๆ ถ้าลูกเราสองคนไม่สามารถทำอะไรได้เลยอยากจะเล่นน้ำอย่างเดียว เราสองคนก็มีความสุข เพราะว่า ทุกอย่างที่เด็กจะอยากเรียนรู้ต่อยอดขึ้นไปพื้นฐานต้องมาจากสิ่งที่เค้าพอใจและมีความสุข แต่ว่าสิ่งที่เราสองคนเห็นหลังจากทำมาอย่างไม่คาดหวังคือพัฒนาการที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น มันทำให้เราสองคนยิ้มเเบบมีความสุขบอกไม่ถูกเพราะว่าเรารู้สึกได้ว่ามันเป็นวิธีที่ช้า แต่ว่าผลของมันเกินคุ้มและยั่งยืน



อยากให้พ่อแม่ได้ร่วมประสบการณ์การยิ้มในใจและอยากให้รู้ว่าการยิ้มแบบนี้มันช่างสุขเหลือเกิน มามีส่วนร่วมกับทุกช่วงเวลาพัฒนาการของลูก กันดีกว่า



ปล.สิ่งต่าง ๆที่เขียนมาไม่ได้บอกว่าครอบครัวเราทำถูกและไม่เคยคิดเชื่อใครโดยหลับหูหลับตาเชื่อ เราเดินทางสายกลางอะคะ อ่านหนังสือ หรือว่ามีข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางเฉย ๆไม่ได้โอ้ยชั้นต้องทำแบบนี้เท่านั้น เราเลือกเเล้วปรับให้เข้ากับวิถีของครอบครัวเรา และที่สำคัญเราเเค่อยากจะแบ่งปันวิธีอีกหนึ่งวิธีที่อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งเท่านั้น เพราะว่าวิธีที่ดีที่สุดนั้นก็คือต้องเลือกโดยพ่อแม่ของลูกเพราะว่าเข้าใจลูกตัวเองมากที่สุด


ขอบคุณที่ติดตามคะ