วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประดิษฐ์บ้านตุ๊กตากัน

ม่าม๊าเป็นคนชอบบ้านตุ๊กตามาตั้งแต่เด็กแต่ว่าไม่เคยมี ชอบมันน่ารักดีและเวลาเราทำมันได้ใช้เวลาสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ไปเรื่อย ๆ ตอนนี้สบโอกาสมีผู้ช่วยเลยมาชวนกันทำ

โปรเจ็คนี้ใช้เวลาตั้งสองวันเชียวนะ โชกุนช่วยม่าม๊าดีมาก ถึงแม้จะมีวิ่งไปมา ตามประสาเด็ก เเต่ว่าก็ช่วยเหลือได้เยอะได้ร่วมกันคิด ร่วมกันทำจนเสร็จ

เอาภาพมาฝากกันคะ พ่อแม่ ชวนลูก ๆ ทำกิจกรรมนี้ก็ดีนะคะ เค้าจะได้เรียนรู้หลายอย่างเลยคะ
เช่น
การนำเอาวัสดุที่เหลือใช้มาดัดแปลง (ข้อนี้แนนชอบมากคือลูกจะได้ซึมซับว่าอะไรที่เราสามารถใช้ได้อีกไม่ต้องทิ้งทุกสิ่ง)

ลูกได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์นะคะ เค้าจะช่วยเราคิดช่วยเราหาอุปกรณ์

และที่สำคัญเค้าได้ความเพลิดเพลินคะ ถ้าไม่สนุกไม่เพลินทำซ้ำสองวันไม่น่ารอด

หลังจากเสร็จแล้วเค้าก็ได้ใช้จินตนาการของเค้าว่าจะหยิบจับอะไรไปห้องไหน และอยากได้เฟอร์นิเจอร์อะไรอีก สนุกดีคะ






วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คุณสมบัติของ ลูกผู้ชาย ที่ควรปลูกฝัง

ทุกวันนี้ ผู้ชาย นั้นหายากเหลือเกินที่จะมีคุณสมบัติที่พึงประสงค์ เพราะว่าอะไร เกิดอะไรขึ้น ทำไมปัญหามันมีมากมายเหลือเกิน เป็นเพราะว่า พ่อแม่ลืมที่จะ ปลูกฝัง หรือทำให้เป็นแบบอย่างให้ลูกชาย ของท่าน ๆ ดูหรือเปล่า

ยกตัวอย่างเหตุการณ์วันนี้
ม่าม๊ากำลังรอคิวซื้อข้างเกรียบปากหม้อ รออยู่จะห้านาทีละ
มีเด็กชายอายุราว 8 ขวบ มากับพ่อ

แม่ค้าคนที่หนึ่งที่รีบถามเด็กผู้ชายคนนั้น เอาอันไหนลูกเอาแบบนี้นะ(ชี้ไปที่ข้าวเกรียบปากหม้อ)

เด็กชาย พยักหน้า

แม่ค้าสองคนคุยกันให้เด็กก่อน ๆ ในขณะที่ม่าม๊า กำลังคุยโทรศัพท์สักครึ่งนาที แต่ว่าม่าม๊าไม่ได้คิดอะไร คิดว่าคงให้ม่าม๊าละ เพราะว่าตามมารยาทแม่ค้าก็ควรถามเราก่อนว่าเราจะอนุญาติให้ของที่เรากำลังจะเสร็จกับเด็กชายคนนั้นไหม

เสร็จละข้าวเกรียบปากหม้อที่รอประมาณห้าที ม่าม๊ากำลังจะยื่นจ่ายเงิน เอ้าแม่ค้าไม่ขายให้บอกว่าให้เด็กก่อน ม่าม๊ายืนงง ๆ นิดนึง ได้แต่พูดว่าเอ้าเหรอคะ

แม่ค้าบอกว่าขอบคุณพี่เค้ายังพี่เค้ายกให้หนู

ในขณะนั้นพ่อของเด็กรีบรับข้าวเกรียบปากหม้อไปแล้วหันมาขอบคุณม่าม๊า

แต่ว่าในใจม่าม๊าตอนนั้นนึกว่า เอ้า ทำไมไม่สอนลูกให้เรียนรู้เรื่องคิวซะเลยละ ทำไมรีบรับเลยคะคุณผู้ชายสมัยนี้ลูกคุณก็ผู้ชาย ถ้าคุณมัวแต่คิดว่าลูกยังเด็กแล้วเมื่อไหร่ลูกจะโตเเล้วได้เรียนรู้ว่า อะไรต้องตามคิว เราไม่ได้โกรธเด็กนะ แต่ว่าเรางง มากกับพ่อเด็ก รีบรับเลย

สักพักป๊าเดินมากับโชกุน แม่ค้าคงรู้สึกผิดว่าตายละ เมื่อกี้ ยกขนมที่ต้องเป็นของเด็กคนนี้ให้เด็กอีกคนหนึ่งไปละ

คือเหตุการณ์นี้ทำให้อึ้ง ๆ มากมาย ว่า ทำไมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำไมเค้าไม่คิดจะสอนลูกผ่านการกระทำแมน ๆ บ้างว่า ไม่เป็นไรครับ คนนี้มาก่อนยืนรอตั้งนานเเล้ว เค้าคงไม่คิดว่าการทำการกระทำแบบนี้ลูกก็ซึมซับไปเรียบร้อยละว่า เราเด็กเราต้องได้ แต่ว่าวันหนึ่งเค้าต้องโตนะคะ เรื่องแบบนี้ไม่มีเด็กไม่มีผู้ใหญ่ คิวคือคิว ไม่มีการลัดคิว ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย เช่นเข้าคิวห้องน้ำขณะที่ท้องเสียหรือว่าปวดท้องหนัก อันนั้นอาจจะขออนุญาติคนข้างหน้าไปก่อน แต่ว่านี่มาแนว ได้ก็เอาเลย ดีไม่ต้องรอคิว

ยังไงก็ฝากแล้วคิดตามกันด้วยนะคะ เราอยากให้ลูกชายของเรา ๆ มีคุณสมบัติสมกับเป็นลูกผู้ชาย ก็ควรปฎิบัติให้เค้าเห็นเป็แบบอย่างนั้นดีกว่านั่งพล่ามสอนนะคะ

วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

homemade finger paints

วันนี้เรามาเล่นสีด้วยการผสมส่วนผสมที่ปลอดภัยมาก และถูกมากถ้าเราผสมเอง มีส่วนผสมดังนี้

น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย
น้ำ 2 ถ้วย

ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เคียวผ่านความร้อนจนเริ่มข้นเหนียว
พอเย็นก็ผสมสีผสมอาหารลงไปค่ะ

 หลังจากนั้นดูเอาเองตามภาพได้เลย 


ลูกช่วยทำ
(การให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการทำอาหารหรือทำนั้นทำนี่ที่ใช้เตาแก๊สที่มีความร้อนถ้าเราให้เค้าทำบ่อย ๆ  เค้าจะเรียนรู้ที่จะรู้จักระวังเองนะคะ แนนว่าตรงนี้เราควรสนับสนุนให้ลูกมีส่วนร่วมในการทำคะ เนื่องจากในการที่เค้าเห็นเราระะวังและเราจะเตือนเค้าไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดคะ 


สีที่ได้เหมือนแป้งเปียก ทางที่ดีเล่นนอกบ้านจะดีกว่านะคะ คือเลอะแล้วฉีดน้ำเลย 

ปฎิบัติการเลอะ

แต่ว่าหลังจากเล่นเสร็จ แนนให้เค้ามีส่วนร่วมในการเก็บล้างด้วยนะคะ ทำทุกอย่างล้าง และเช็ดพื้น เค้าก็จะได้เรียนรู้ทั้งวิธีการทำและวิธีการเก็บไปเองโดยธรรมชาติคะ

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประดิษฐ์ สไลน์ของเล่นจากแกนทิชชู่





วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2555







กิจกรรมนี้ก็ทำให้โชกุนได้เรียนรู้เรื่องสี การผสมกันของสี ฝึกสมาธิในการทำงาน เพราะว่าต้องระบายสี ต้องค่อย  ๆช่วยม่าม๊าติดกาว และได้เรียนรู้การประดิษฐ์ว่าถ้าจะทำให้ของไหลลงมาต้องมีมุมยังไงวัตถุถึงจะไหลลงมาได้อย่างไม่สะดุด (มันเป็นการเรียนรู้เล็ก ๆน้อย ๆผ่านการเล่นการประดิษฐ์ ซึ่งเด็กสนุกไปด้วยกัน)

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

I like fruit




จริง ๆยังอ่านหนังสือไม่ออกนะคะ แต่ว่าเค้าจำมาจากที่เราอ่านให้เค้าฟังและทุกสิ่งเริ่มเป็นไปตามธรรมชาติของวัยจริง ๆด้วย เค้าเริ่มสนใจที่จะอยากอ่านเอง ทั้งที่แต่ก่อนชอบให้แต่เราอ่านให้ฟัง นี่เค้าเริ่มบอกให้เราอ่านเเล้วเค้าจะอ่านตามเริ่มจำตัวอักษรได้เองโดยที่ไม่ได้สอนอะไรมากมาย

เราให้ความสำคัญกับการรักการอ่าน ก่อนที่จะต้องเคี่ยวเข็ญให้เค้าต้องอ่านหนังสือออกคะ พอเค้ารักการอ่านเค้าเริ่มอยากที่จะอ่านออก เริ่มถามว่าอะไรตัวอะไร แล้วชี้เป็นคำ ๆ

สุขใจมากเมื่อเห็นลูกค่อย ๆ พัฒนาไปอย่างธรรมชาติ

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อาหารตกทำไมเราไม่ให้ลูกเก็บเข้าปาก

เหตุผลจริง ๆ ไม่มีอะไรมาก
ข้อที่ 1 ไม่ว่าพื้นที่ไหนก็สกปรก พื้นบ้าน พื้นโต๊ะอาหารที่บ้าน พื้นที่ไหนก็ตาม ได้รับการเช็ดจากผ้าขี้ริ้วทั้งนั้นและ ผ้าขี้ริ้ว ไม่ว่าที่ใดก็ตาม คงไม่มีใครซักสะอาดหรือเปลี่ยนบ่อยมากมาย ชื่อก็บอกว่า ผ้าขี้ริ้ว ผ้าเช็ดพื้น เช็ดโต๊ะ

ผู้ใหญ่หลายท่านก็คงมักจะพูดบ่อย ๆ ว่าอาหารตกที่พื้นบ้าน หรือโต๊ะทานข้าวที่บ้านว่า ไม่เป็นไรลูก กินได้พื้นบ้านไม่สกปรก ซึ่งจริง ๆการสอนเเบบนี้มันไม่ตรงกับความเป็นจริง ๆใด ๆ เลยแม้แต่น้อย พื้นบ้านไม่สกปรก พื้นบ้านของเราเราก็ใช้เท้าเหยียบ (ณ จุดนี้ขอให้ยกเท้าขึ้นมาดูว่าสกปรกแค่ไหน) พื้นบ้านของเราเราก็ใช้ไม้ถูพื้นถู (ขอให้นึกดูว่า ตอนถู ผ้าถูพื้นเราก็ใช้อันเดิมมานานแค่ไหนแล้ว และตอนถูใช้น้ำยาอะไรถูบ้าง ) อาหารไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กจะตกพื้นใด ๆ นาน หรือแค่เเว็ปเดียว เราไม่เคยสอนลูกว่าหยิบเข้าปากเลยลูกเชื้อโรคไม่เห็น ของ เรา คือ สอนอย่างเดียวจบเลย หล่นใช่ไหม ทิ้งเท่านั้น เพราะว่าพอสอนเด็กหลาย ๆ มาตรฐาน เด็กงง เเละไม่สามารถแยกได้ว่า แค่ไหนหยิบเข้าปากได้ เค้าก็เลยหยิบทุกสิ่งทุกอย่างที่หล่อนเข้าปากเพราะว่าม่ีผู้ใหญ่สอนว่า เชื้อโรคไม่เห็น


ข้อที่ 2 เวลาของหล่นบนโต๊ะ หรือ บนพื้น แล้วเด็กหยิบเข้าปาก บอกตรง ๆ สำหรับเรานะคะ เป็นภาพที่ดูแล้วน่าเกลียด คะ แล้วพอสอนเด็กไปว่าหยิบได้ในบ้าน เมื่อออกนอกบ้านเด็กก็จะหยิบ เเล้วเราก็จะบอกลูกว่าทำไมเอาอาหารที่หล่นแล้วเข้าปากละลูก นี่นอกบ้านนะ สอนเเล้วเด็กงง ว่าเดี๋ยวให้หยิบเข้าปากเดี๋ยวไม่ให้หยิบเข้าปาก เราจึงสอนทีเดียวว่่า ไม่่ว่าที่ไหนที่ใดก็ตามหล่นคือหล่นไม่มีการหยิบนะคะ

ข้อที่ 3 มีบางท่านบอกว่า แหมเชื้อโรครับไปบ้าง เป็นวิตามินให้กับร่างกายเป็น antibody
ลองย้อนไปดูเหตุผลข้อ 2 นะคะพอเด็กทำ เด็กจะทำทุกที่ ไม่มีที่ยกเว้น แล้วมันจะกลายเป็นนิสัย และมันจะสวนทางกับสิ่งทีเราสอนเด็กว่า ล้างมือบ่อย ๆ นะลูก หรือ เวลาทาานอาหารต้องใช้ข้อนกลาง หรือ เวลาจามต้องปิดปาก เป็นต้น  คือ เอาง่าย ๆสอนเด็กมันก็ต้องมองให้สอดคล้องในทุก ๆ ด้าน ไม่ใช่สอนให้เด็กรู้จักรักษาสุขภาพอนามัยตนเอง แต่ว่าอาหารหล่นพื้น หยิบเลยนิดหน่อย เชื้อโรคมองไม่เห็น นอกจากเป็นภาพที่ดูไม่ดีแล้ว ยังเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคให้กับเด็ก เพราะว่าสมัยนี้โรคมันมีเยอะกว่าแต่ก่อนคะเราปลูกฝังสิ่งดีดี ให้เค้าไปเค้าจะได้ปฎิบัติตนเองได้ห่างไกลจากโรคภัยสมัยนี้ได้นะคะ