วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ด.ช.อิสระ กับกิจกรรมวันปิดเทอม

ตอนเเรกม่าม๊าคิดว่าปิดเทอมคงจะไม่ให้ทำอะไรที่ไหนคงจะมีกิจกรรมที่บ้านแทน
 แต่ คุณอิสระ ขอไปเข้าค่ายนั้นนี่ ขอไปเรียนนั้นนี่ เราจึงมีโอกาสทำกิจกรรมกันอาทิตย์เดียวก่อนโรงเรียนเปิดทำกิจกรรมวันปิดเทอม
กิจกรรมของโชกุนก็เดิม ๆ คือ อะไรที่พ่อแม่ทำ โชกุนก็จะได้ทำไปด้วย ช่วงโชกุนหยุดช่ววงนี้เป็นช่วงที
ป๊าเค้าจะเตรียมปลูกข้าว พอดี ดังนั้น เราได้แรงงานสำคัญคือ ด.ช. อิสระ นั้น เอง
ประโยชน์ของกิจกรรมเตรียมดินเพาะข้าว และช่วยเพาะ ข้าว ก็คือ ได้รู้ขั้นตอนจากการลงมือปฎิบัติจริง และฝึกความอดทนในการนั่งหยอดข้าว ลงในถาดเพาะ เพราะว่าป่าป๊าให้หยอดหลุมละเม็ด ปวดหลังกันไปตาม ๆกัน  นอกจากนั้นก็สอนเลข สอนภาษาอังกฤษได้พูดๆ ไปสอนไปตอนทำ ดีจะตาย เรียนรู้ผ่านการทำกิจกรรม
มาชมรูปกันดีกว่า









วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่องราวดีดี เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ

หายไปน้านนาน นานแสนนานมาโผลได้สักทีวันนี้ พอดีย้ายไปอยู่อีกที่แล้วโน๊ตบุคใช้อินเตอร์เน็ตไมได้ ก็ยังงงตัวเองว่าทำไมไม่พิมพ์ใส่word ไว้ก่อนนะ คราวนี้ไม่เอาละไม่ิทิ้งเรื่องราวอะไรที่ควรบันทึกละจะพิมพ์ใส wordไว้ก่อนแล้วค่อยมาก้อปใส่blogตอนที่คอมใช้อินเตอร์เน็ตได้ (ดูกันดารเนาะ)
 หัวข้อวุนนี้คือเรื่องราวดีดีเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ
ตลออดเวลาถ้าได้อ่านบล็อคจะพอรู้ว่าม่าม๊าสอนโชกุนเป็นภาษาอังกฤษพยายามพูดกับลูกเป็นภาษาอังกฤษ พยายามหาครู้ฝรั่งให้โชกุนได้มีโอกาสพูด แต่ว่าทำไปโโยไม่ได้คาดหวังว่าต้องเป๊ะต้องได้แคทำไปทุกวันเหมือนหยอดกระปุก แล้ววันที่มาม๊าเริ่มรู้ละว่าปลูกอะไรได้อย่างนั้นก็มาถึงวันที่เห็นโชกุนสื่อสารกับครูต่างชาติเองโดยไม่มีม่าม๊า วันที่เห็นโชกุน พูดจาโต้ตอบกับชาวต่างชาติได้โดยไม่ต้องคิดแปล (เพระาว่าตลอดเวลาไม่ได้สอนให้ลูกแปล) การสอนเเบบนี้ธรรมชาติจริงๆ ดีใจทีลูกไมได้มีวิธีคิดทางการพูดภาษาอังกฤาเหมือนเราคือเราต้องแปลก่อนในหัว แต่ว่านีเค้าสามารถแยกได้เลย
การทำแบบนี้ดีจริง ๆ จะบอกพ่อแม่หลาย ๆคนว่า สอนไปเถอะคะสอนไปเรื่อย ๆ อย่าหวังผล ทำไป อะไรที่ว่าน่าจะดีกับลูกเรา ไม่รู้สิถึงลูกไม่ได้สำเนียงฝรั่งจ๋า แต่ว่าลุฏสามารถสื่อสารให้ฝรั่งเข้าใจ นั้นคือสิ่งที่วางแผนไว้คือต้องการให้เค้ารู้สึกว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่สิ่งประหลาดและน่ากลัว
และจะบอกว่าทักษะของการเขียนและการจำคำศํพท์ที่โรงเรียนโชกุนไม่ได้สอนให้อ่านเขียนแต่ว่าจะเขียนเป็นคำไปเลยปรากฏลูกจำได้ วันนึงเค้าวาดรูปต้นไม้แล้วเขียนว่า tree เราก็ยังคิดใครบอกให้เขียนเหรอลูก เค้าบอกว่าเปลาเค้าจำได้ (เรายิ่งมั่นใจในวิธีแบบนี้อะวิธีที่สอนนะแต่ว่าเหมือนไม่ได้สอน

หลังจากภาษาอังกฤษขอมาต่อเรื่องของภาษาจีน
โรงเรียนที่ลูกไปเข้ามีการสอนภาษาจีนแบบธรรมชาติวิธีการสอนเหมือนที่เราสอนภาษาอังกฤษลูกที่บ้านสอนไปเรื่อย ๆ ปรากฏว่าโชกุนได้ภาษาจีนมาเยอะมาก ครูบอกว่า เค้าเรียนรู็้คำศํพท์เร็วมากและกล้าที่จะพูดภาษาจีนกับครู เราเลย ดีใจจัง สงสัยอาจจะเป็นเพราะว่า เราสอนเค้าวิธีนี้อยู่เเล้ว เวลาไปเจอภาษาอะไรใหม่ ๆ เค้าเลยเปิดรับได้ดี

สรุป อะไรที่เป็นวิธีธรรมชาติ ในความคิดของเรานะคะ คือ ช้าหน่อยแต่ว่าซึมซับดีเยี่ยมจริง ๆ ดังนั้นอยากจะบอกพอแม่หลาย ๆคน ว่า ทำอะไรใจเย็น ๆ ไม่ต้องให้ลุกมานั่งท่องนะคะเวลาลูกยังจำไม่ได้ แค่อาศํยว่าเดินผ่านของสิ่งนี้กี่ทีก็พูดศัพท์คำนี้ไม่เกินอาทิตอะคะ เค้าซึมไปแล้ว กับประโยคนี้คำศัทพ์คำนี้ และถ้าอยากให้ลูกรู้ว่าสะกดยังไงก็เขียนติดไว้กับเจ้าของสิ่งนั้นหรือว่าภาพภาพนั้นผ่านกี่ทีต้องเจอคำนี้ ทำไม้ทำไมเค้าจะไม่ได้คะ เพียงแต่ใข้เวลาหน่อยค่อย ๆ เดิน คอ่ย ๆ โต แต่ว่ามั่นคงน้า

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หาไรประดิษฐ์กัน วันหยุด

หายไปนานไม่ค่อยได้มาอับเดท เนื่องจากคุณชายไปโรงเรียนเเล้ว แต่ว่าเสาร์อาทิตย์ ก็ออกเที่ยวตลอดมีอาทิตย์นี้ที่เราอยู่บ้านกัน ม่าม๊าเลยจัดไปประดิษฐ์หาไรทำเหมือนเดิม คราวนี้ได้เว็ปไอเดียใหม่ ๆ ลองดูกันนะคะมีหลายกิจกรรมมากมาย เลือกได้อย่างจุใจแน่นอน แถมได้สอนเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเดิม

http://www.kidspot.com.au/kids-activities-and-games/Art-and-Craft+1.htm?utm_source=ActivityCorner&utm_medium=LandingLinks&utm_campaign=kids-activities-and-games

อาทิตย์นี้ประดิษฐ์เจ้าปลาหมึก (ถึงแม้มันจะออกมาประหลาด ๆ เล็กน้อยแต่ว่าก็เอาน่าสวยละ)
อุปกรณ์ก็ของใช้ที่มีอยู
แกนทิชชู่
สี
กรรไกรซฺิกเเซก
กาว
ตาตุ๊กตา(มีหรือไม่มีก็ได้)

(หาอะไรทำง่าย ไม่ลำบากเกินความสามารถแม่ 555)





วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ประสบการณ์ใหม่

วันนี้ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ของเราทั้งครอบครัว จริง ๆ หลังจากทีครูเปิ้ลส่งรูปโชกุนไปให้ที่polyplus เพื่อแคสละครเรื่องใหม่ ตอนเเรกม่าม๊าคิดไว้ว่า ไม่น่าจะโดนเรียกไปแคสหรอกแต่ว่ามาวันนึงทาง โรงเรียนไอดีโอ โทรมาเเจ้งว่าให้ไปแคสนะวันอาทิตย์ ที 5 นี้ ที่ poly plus ม่าม๊ายังคิดโหโชกุนจะเป็นไงนี่ คือจริงไม่ได้ห่วงเรื่องได้ไม่ได้เพราะว่าไมาเคยหวัง แต่่ว่าห่วงว่าไปแล้วลูกจะแบบทรมาน กลัว ทำไม่ได้หรือเปล่า

ปรากฏว่าผิดคาดหมด ไปถึงก็เล่นบริเวณบริษัท แล้วพอเค้าเอาบทมาให้ท่องก็ไม่ยอมท่องแต่ว่าฟัง แล้วก่อนไปม่ามีาบอกอยู่แล้วว่าวันนี้เราไปทำอะไรต้องเจออะไรบ้าง เลยย้ำอีกทีว่าเดี่ยวต้องเข้าไปในห้องกับพี่เค้านะ ไปแสดงให้เค้าดูหรือว่าเค้าให้ทำอะไรก็ทำนะ ม่าม๊าไม่ได้เข้าไปนะ มีพี่พี่ ที่เค้าเป็นเพือนครูเปิ้ล รออยู่  เค้าก็รับรู้ พอเสร็จถึงเวลามีพี่มาจูงเดินเข้าไป ก็ไปด้วยความง่ายเข้าใจไม่มีร้องไม่มีงอเเง( เพราะว่าตอนเเรกใจแป้วเหมือนกันเพราะว่าเห็นเด็กบางคนที่เรามองว่า ต้องคล่องมากแน่เลยเค้าร้องเลยใจแอบเสียนิดหน่อย) ปรากฏเข้าไปสักพัก แล้วก็ออกมา พร้อมหน้าชื่นตาบานสนุกสนาน  ก็ถามคนที่จูงออกมาว่าเค้าจำบทได้ไหม เค้าก็ตอบว่าจำได้แต่ว่าไม่ค่อยมาก เฮ้อเเค่นี้ก็โล่งอกละ เพราะว่าเอาอะไรกับสี่ขวบ แต่ว่าตอนที่เล่าบทให้เค้าฟังทำเหมือนเล่านิทานน่าจะพอจำได้บ้างอย่างทีน้องเค้าบอก) ถือว่างานนี้ผ่านสำหรับม่าม๊า งานแคสผ่านไม่ผ่านไม่ใช่ประเด็นสำคัญตรงที่ว่า โชกุนมีโอกาสเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งน้อยคนจะได้มีโอกาส แค่นี้เราก็ถือว่าคุ้มมากเเล้ว

สิ่งได้ม่าม๊าและป่าป๊าได้เรียนรู้ในวันนี้(จริง ๆ ฟังตอนไปเข้าค่าย อัจฉริยะ กับไอดีโอมา ไม่นึกว่าจะได้ใช้จริง และใช้ได้ผลมาก)ไมต้องใช้กับการเเคสงานอย่างเดียวนำไปใช้กับชีวิตจริงก่อนที่ลูกจะต้องทำอะไรใหม่ ๆ ได้สบายเลยอะคะเคยลองเเล้ว
- ก่อนจะทำอะไรใหม่ ๆ บอกลูกก่อนบอกความเป็นจริงที่เป็นเชิงบวก
- ไม่มีการเอาของรางวัลมาล่อใจ เช่นถ้าทำได้จะซื้อของเล่นให้(ไม่เอาของมาล่อเด็ก)
- ไม่พูดพรำเพรื่อ ครั้งเดียวชัดเจนเเล้วพอปล่อยให้เค้าเล่นไปจะได้ผ่อนคลาย
- ไม่ถามลูกว่าจะทำได้หรือไม่ (เพราะว่าถ้าถามจะเกิดอาการว่าเอ้ยเรามีสิทธิ์เลือกว่าจะไม่ทำอะดิ) ที่ไม่ถามเพราะว่าเค้ายังไมได้ลองเลยว่างานแบบนี้เป็นไง ดังนั้นควรเปิดโอกาสใหเค้าไปทำก่อน
- ไม่ถามว่ากลัวไหมกล้าไหม (เพราะว่าถามไปทำให้เด็กประหม่ากังวล)อย่าเอาความกังวลของตนไปยัดให้ลูก
- ให้กำลังใจว่าทำได้ละ

ก่อนไปเราพูดกับลูกว่า
พรุ้งนี้เราจะไปที่ polyplus นะ เค้าเป็นบริษัทสร้างหนังที่มีคนเล่นในทีวี เค้าจะให้โชกุนไปทดลองว่าเล่นบทหนึ่งในหรือเปล่า ถ้าเล่นได้ก็จะได้ไปเล่นแล้วอาม่าจะเห็นโชกุนอยูในทีวี โดยที่ในห้องมีเพื่อนของครูเปิ้ลดูอย่ (พยายามใส่ว่าเพื่อนครูเปิ้ลจะได้รู้สึกว่าไม่ได้เจอคนอื่นที่ไม่คุ้นเคยมากเกินไป)
ม่าม๊าป่าป๊ารอข้างนอก นะครับ จบ
และเมื่อไปถึงก็ไปก่อนเวลาให้เค้าเล่นให้คุ้น เจอเพื่อน ๆ เค้าจะผ่อนคลาย และเห็นว่าคนอื่นก็เดินเข้าไปในห้องนี้ เหมือนกัน เราชี้ชวนให้เค้าดู เเล้วบอกเค้าว่าเดี่ยวพอถึงคิวโชกุนพี่เค้าจะมาพาไปนะ จบ เเล้วเราก็ปล่อยให้เค้าเล่นต่อ
และอีกอย่างที่จะย้ำ คือ เมื่อเค้าออกมาเเล้วอย่าลืมหยอดคำชม ที่เค้าสามารถทำได้ เเล้วก็ดำเนินไปอย่างราบเรียบไม่ต้อง แบบโหชมประหนึ่งว่า ได้รับรางวัลนักเเสดงยอดเยี่ยม

ใจของเราไม่ได้คิดไม่ได้คาดหวังว่าจะให้ลูกเป็นนักแสดงแต่ว่างานแบบนี้ คือสิ่งที่เป็นประสบการณ์สอนให้เค้า ว่าถ้าทำได้ก็ทำมีโอกาสมาก็ทำลองดู ได้เจอคนอื่น ต้องหัดแก้สถานการณ์เจอคนแปลกหน้าบ่อย ๆ เพราะว่าประสบการณ์สั่งสมไปนิด ๆ หน่อย ๆ มีคุณค่ากว่าสิ่งใดทั้งสิ้น

เป็นกำลังใจให้โชกุนเสมอ

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556

พฤติกรรมหรือคำพูดที่บางที เราอาจจะไม่สบายใจ

วันนี้มาประเด็นในสิ่งที่ตนเองผ่านมาแล้วแต่ว่าถามว่าตอนนั้นก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่วาพอเราเจอคนเยอะขึ้นเราเริ่อรู้ว่า สิ่งที่บางทีดูแล้วไม่สวยใสน่ารักดั่งใจเรานั้น เช่น พวกคำพูด หรือว่าบางทีลูกไปในที่ที่บังเอิญมีคนพูดจาหยาบคายไม่เพราะขึ้นมา แต่ก่อนเคยกังวล แต่ว่าเดี๋ยวนี้ความกังวล ลดดีกรีลงเยอะ คือ ได้เรียนรู้ไปว่า อะไรก็ตามทีเด็กได้ยินและได้ฟังถ้าเราไม่ได้กระทำที่บ้านและไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้นเด็กไม่ทำตาม แต่ว่าคำทีเด็กจะพูดตามส่วนใหญี่นั้นจะมาจาก พ่อกับแม่ นี่ละ เรากันเองต้องระวังให้ดีเรื่องคำพูด เพราะว่าเค้าจะเลียนแบบทันที ดังนั้นก่อนจะพูดอะไรต้องคิดก่อนพูดเยอะ ๆ หรือว่าโดยเฉพาะพ่อแม่ชอบนินทาคนอื่น อันนี้ระวังนะคะ  เวลาเด็กเจออะไรหรือเจอคนที่เรากล่าวถึง ความลับแตกเเน่ ๆ ถ้าจะกล่าวถึงบุคคลที่สามในเชิงบ่น ๆ หรือติ ๆ ไม่ว่าจะทางรูปพรรณสัณฐาน นิสัยใจคอ ของเค้าเหล่านั้น เคยกรณีลูกเจอกับลูกของเพื่อน ว่าคนอื่นว่าอ้วนน่าเกลียดต่อหน้าคนที่อ้วนเลย คืออันนี้เด็กไม่ผิดมากนะคะในความคิดของเรา แต่ว่าเราจะมองว่าโห พ่อแม่ นี่เป็นคนอย่างไรกันนี่ เพราะว่าอะไรก็ตามที่เด็กแสดงออกมานั้นคืดกระจกเงาสะท้อนพ่อแม่ดีดีนี่เอง ขอเสนอเเนะให้บ่นกันสองคนสามีภรรยา อย่าให้เด็กรับรู้มาก ไม่อย่างนั้น เค้าก็จะซึมซับพฤติกรรมของเรา อันนี้เราสองคนระวังมากเพราะว่าไมอยากให้ลูกซึมซับการช่างพูดถึงคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นแบบอ้วนสูงต่ำดำขาว ล่ำ นาเกลียด  (ถ้าเลือกเกิดได้คงไม่มีใครอยากจะเกิดมาไม่สวยไม่หล่อ)  เพราะว่าเราเองยังไม่ชอบให้ใครมานินทาพูดถึงลับหล้ง
ดังนั้นเราก็อย่าทำให้ลูกเห็นเป็นความเคยชิน
ต้นเเบบที่ดีที่สุดของลูกคือพ่อแม่  เราคงไม่สามารถไปสั่งให้คนทั้งโลกเปลี่ยนแปลงเพื่อลูกเราได้สิ่งที่จะทำได้สมมติในครอบครัวก็คงจะอธิบายให้ฟังว่าถ้าพูดอย่างนี้จะส่งผลอะไรอย่างไร แต่ว่าถ้าเค้าจะไม่เชื่อหรือทำตามมันก็เรื่องของเค้า (แต่ว่าเชื่อว่าในครอบครัวมีความรักความเอื้ออาทรต่อกันน่าจะต้องรับฟังกันก่อนถึงหลักการและเหตุผล) หน้าที่ของเรา คือฉีดวัคซีนให้ลูก เพราะว่าในโลกนี้ คงไม่มีใครมาทำอะไรเพื่อลูกเราคนเดียวได้ และคงไม่มีอะไรที่สวยงามถูกใจเราทุกอยางได้

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

เมื่อเค้าพร้อมเค้าจะไปโรงเรียนอย่างมีความสุขมาก

หลังจากที่พาไปเข้าค่ายที่ Ideo โชกุนต้องอยู่กับเพื่อน ๆ และ ครู ตั้งแต่เช้าจนสี่โมงเย็นแล้วมีกิจกรรมทั้งวันสนุกสนาน ก็เริ่มติดใจ อยากไปโรงเรียน ม่าม๊าเลยพาไปที่โรงเรียน นานาชาติเมธา เป็นโรงเรียนที่เน้นกิจกรรมให้ทำอะไรตามพัฒนาการ แล้วกิจกรรมก็คล้าย ๆกับที่เราทำกันทีบ้าน แต่ว่าคราวนี้ มีเพื่อน ๆ เล่นสนุกด้วยได้ แล้วคนที่นำกิจกรรมคือ คุณครู โรงเรียนนี้ม่าม๊าเล็งไว้ตั้งแต่โชกุนยังเล็ก ซึ่งตอนนั้นยังแค่สองสามขวบเห็นเลยว่าตอนนั้นยังไม่พร้อมเลย ไม่อยากไป ร้องไห้ ดูแล้วทรมานเลยตัดสินใจทำโฮมสคูล ซึ่งตลอดเวลาที่ทำนั้นมีความสุขกันมาก เรามีกิจกรรมกันตลอดและพยายามหากิจกรรมให้ลูก ได้พบปะสนุกสนานกับเพื่อน ๆ ตามวัย การทำโฮใสคูล จริง ๆ เเล้วเราก็ต้องปรับสมดุลย์ดีดีว่า เราสอนเองแต่ว่าเค้าก็ต้องมีสังคมของเค้า เอาแบบพอเหมาะพอดี  เค้าก็จะสามารถอยู่ได้ในสังคมได้อย่างสบาย ๆ ไม่มีปัญหา ซึ่งเค้าไปโรงเรียนในปีนี้เค้ามีความสุขมาก
สรุปม่าม๊ารู้สึกมีความสุขมากทีตนเองเลือกทำโฮมสคูล ลูกมาตั้งแต่ ขวบกว่าจนสี่ขวบแปดเดือน ถึงจะให้เค้าไปโรงเรียน ให้เค้าไปเมื่อเค้าพร้อม สุขทั้งแม่และลูก ลุกก็สุขที่ได้เจอประสบการณ์ใหม่ ๆ แม่ก็สุขที่ลูก แข็งแรงขึ้นพัฒนาขึ้น

การไปโรงเรียนไปแล้วไปอย่างมีความสุข เพราะว่ามีความพร้อมแล้ว พอมาถึงจุดนี้ ม่าม๊าเลยอยากจะบอกอีกหลาย ๆคนที่มีลูกยังเล็กเเล้วรีบให้เข้า โรงเรียนแล้วต้องร้องไห้กระจองงอเเง  สงสารจัง การรีบทิ้งลูกจะสร้าง ให้เด็กแกร่งจริงหรือ แล้วทำไมต้องแกร่ง ทำไมต้องทำตามป้ายประกาศหน้าโรงเรียนว่ารับเด็กตั้งแต่ขวบครึ่ง เอ้าส่งกันเข้าไปตั้งแต่ยังเล็ก ในเมื่อเค้ายังต้องการครอบครัวต้องการแม่เราอยู่ไปก่อนก็น่าจะดีนะ เราน่าจะเป็นคนฝึกเค้าเองดีกว่านะตอนเล็ก ๆ เพราะว่าเราเลี้ยงเค้ามาเองรู้ทางเค้า แต่ในกรณี เด็กบางคนไปได้เร็ว นั้นก็อีกเรื่อง หรือเด็กบางคนอยู่บ้านไม่มีอะไรทำจริง ๆ ดูทีวี อย่างเดียวก็ไปเถอะ แต่ว่าม่าม๊าเเนนจะบอกว่าเด็กเล็กเรามีกิจกรรมเยอะมากที่ครอบครัวคนเลี้ยงสามารถ ทำร่วมได้กับเค้า

สวนเรื่องโฮมสคูลเราเองก็ตั้งใจจะสอนลูกเองมีกิจกรรมกับลูกเหมือนเดิมเพียงแต่แค่เปลี่ยนวันมาโฮมสคูลกันในวันเสาร์อาทิตย์ แต่กะไว้ว่ากิจกรรมจะให้เค้าเป็นคนดำเนินเพราะว่าเค้าไปโรงเรียนมาละ เค้าทำกิจกรรมหลายอย่างจะให้เค้าลองมาบอกมาสอนเราบ้างสิว่าเค้าทำอะไรยังไง
การส่งลูกไปโรงเรียนแล้วยังไงเราก็ยังต้องมีกิจกรรมกับเค้าในวันที่เค้าหยุดเพื่อเด็กจะได้เพลิดเพลิน และสมองเค้าจะได้คิดนั้นคิดนีในเชิงสร้างสรรค์ สนุกดีออก
เอาภาพที่ไปโรงเรียนมาฝากกันคะ



วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

กิจกรรมเล่นเปียโน

สรุปว่า ม่าม๊าก็ได้ครูทีสอนเปียโนโชกุนเเล้ว ที รร kpn มาดูกันดีกว่าว่าเพลงเเรกเป็นอย่างไร ก็ต้องฝึกซ้อมกันตอไป เรียนแล้วดีจริงดีจังเรียนดนตรีทำให้ลูกมีสมาธิดี แล้วก็มีความอดทนทีจะซ้อมด้วยตอนนี้เลยชอบซ้อมทุกวัน ทำให้เค้ารู้สึกว่าเค้าต้องรับผิดชอบนะต้องซ้อมเพือไปเล่นให้ครูฟังเหมือนส่งการบ้านคุณครู

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2556

ความคืบหน้าของการเล่นดนตรี

อาทิตย์ที่สองที่เราสองคนเล่นดนตรี โดยม่าม๊าสอนเอง โชกุนเล่นมือคีย์บอร์ดได้โดยมือขวาได้เเล้วหนึ่งเพลงแต่ว่าวางนิ้วยังคงมีผิดบ้างเล็กน้อยไม่ว่ากัน (เพราะว่านิ้วยังสั้นอยู่อาจจะยังไม่ถนัดและอาจจะยังไม่เเม่นมาก)
 มาม๊าชอบมากเลยช่วงนี้คือโชกุนมีกิจกรรมทำเพิ่มขึ้นเวลากลางวันที่ออกไปเล่นข้างนอกไม่ได้จริง ๆ มันร้อนมาก ก็มีมานั่งเล่นคีย์บอร์ดได้อยู่นาน แถมดูจดจ่อดีด้วยเพลิน ๆ ดี (แต่ว่าม่าม๊านี่สิต้องปัดฝุ่นอย่างเยอะและต้องนั่งเรียนรู้เพิ่มอีกเเยะแต่ว่าก็สนุกดี )

เพลงเเรกที่เล่นคือ rain rain go away จริง ๆที่มาเล่นเพลงนี้ก่อนเลยเพราะว่าเห็นม่าม๊านั้งเล่นเลยอยากเล่นบ้าง ได้ผลมากดังนั้นอยากให้ลูกทำอะไรต้องทำให้ได้ก่อน
ลองมาชมกันนะครับ


วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

มาทำครีมกันแดดใช้เองกันเถอะ(ถูกกว่าเยอะ) คิคิ

วันที่ 5 มีนาคม
เราสองคนก็มีอีกกิจกรรมคือ ผลิตครีมกันแดดใช้เองโดยโชกุนเป็นผู้ช่วยม่าม๊า งานนี้ได้ช่วยตวง และยังรู้จักส่วนผสมอีกด้วย ช่วยทำจนจบกระบวนการ
เราก็มีครีมกันแดดใช้เอง ไม่มีสารกันเสียส่วนผสมมาจากธรรมชาติด้วยม่าม๊าเอาสูตรมาจากเว็ปนี้
http://wellnessmama.com/2558/natural-homemade-sunscreen-recipe/

ตอนเเรกม่าม๊าก็งงว่า ในส่วนผสมมันมี zinc oxide อยากรู้ว่ามันคืออะไรพอไปสืบมาเลยเข้าใจละพอศึกษาหลาย ๆ เว็ปไม่ว่าจะเป็นเว็ปนี้
http://www.neramid.com/Blog/Detail/20
http://www.badgerbalm.com/s-33-sunscreen-zinc-nanoparticles.aspx
http://organicpassion.info/zinc-oxide-sunscreen-vs-titanium-oxide-sunscreen/

เป็นอันว่าเข้าใจง่าย ๆว่ามันปลอดภัยกว่าเเละเราก็สามารถทำเองได้ด้วย ดีมากตรงนี้ละไม่ต้องไปซื้อเเล้วเราสองเเม่ลูก


วันนี้ม่าม๊าสอนให้โชกุนเล่น คีย์บอร์ดวันเเรก

จริง ๆม่าม๊าสอนเล่น ๆ มานานพอสมควร ด้วยความรุ็ที่ตัวเองเคยพอมีจากการเรียนอีเล็คโทนตอนเด็กซึ่งมันลืมเลือนมากแต่ว่าเพื่อลูกต้องมาปัดผุ่นกันหน่อย ก็พอโอเค ยังทำได้อยู่ในเมื่อไปหามาหลายโรงเรียนแต่ว่าเค้าบอกว่าไม่มีครูสอน ครุไม่ถนัดเด็กเล็ก บางที่ก็อัดเข้าไปสิบห้าคนถ้าโชกุนไปจะเป็นคนที่สิบหกแถมต้องไปเรียนพิเศษอะไรให้ทันเพื่อน ฟังเเล้ววุ่นวาย ในเมื่อเรามีเครื่องเอง แม่พอเล่นได้ แล้วเดี่ยวนี้ในสื่อมีสอนเยอะเเยะ ในอินเตอร์เน็ตพอได้อยู่ ประเด็นแรกคืออยากให้โชกุนเพลินมีอะไรทำ เพิ่มขึ้นและ ก็สนุกที่จะได้เล่น เท่านั้นก่อน หลังจากนั้นโตกว่านี้หรือว่าโรงเรียนเค้ามีครูที่สอนเด็กเราค่อยไปละกัน
ผลงานวันแรกออกมาก็โอเคนะ รู้จักวางนิ้วให้ตรงชองตอนเล่น โดเรมีฟาซอล แต่ว่าตอนเล่นกลับนิ้วยังสั้นและยังบังคับได้ไมค่อยดีเดี่ยวค่อย ๆ ฝึกไปละกัน สนุกดีเพลินทั้งแม่และลูก หยอดกันวันละนิด พอเพลิน ๆ นะลูกนะ อีกหน่อยคงได้เยอะเอง
แล้วเดี่ยวม่าม๊าจะคอยรายงานพัฒนาการดูนะว่าเป็นอย่างไร




วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทดลองกาลักน้ำ


วันนี้ป๊าชวนทดลองกาลักน้ำกันสองคนพ่อลูก
 อุปกรณ์แสนง่ายขวดน้ำสองขวด น้ำ สายยาง สีผสมอาหารเพื่อจะได้ให้เห็นชัด
ผลออกมาตามรูปและวิดีโอนะคะ 





homeschool กับเด็กปฐมวัย

การ homeschool ในระดับปฐมวัยนั้่น สำหรับแนวบ้านเราและกลุ่มบ้านเรียนในวัยเดียวกันกับเราที่เราไปมาหาสู่ปรึกษาหารือกันนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วจะปล่อยให้เด็กเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มีการสอนวิชาการแต่พวกเค้าจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่จริง ๆ มันคือวิชาการโดยทีเค้าไม่รู้ตัว การเรียนของเด็กบ้านเรียนโดยเฉพาะในระดับปฐมวัยส่วนใหญ่จะไม่มี รูปแบบที่เสร็จสมบูรณ์ออกมาสวยงามมีสมุดงานมาให้ดูว่า นี่งานเราได้กี่ดาว ๆ แต่ว่ามันจะเป็นเรื่องของการบูรณาการทั้งหมดทั้งสิ้นที่อยู่รอบตัวเสียมากกว่า

เช่นสมมติเรียนเรื่องคณิตศาสตร์ ก็เรียนจากการนับสิ่งของจริง ๆ หยิบจับ จริง ๆ สามารถนับทุกสิ่งรวมทุกสิ่ง จากสิ่งรอบตัวได้เลยไม่ต้องไปนั่งทำเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ หรือในระหว่างที่นับแม่อาจจะเเทรกวิชาอื่นเข้าไปได้อีก คือเอาง่าย ๆ เด็กเรียนแบบบ้านเรียนนั้นว่าไปเค้าเรียนทั้งวันนะคะ ไม่ได้มีวันหยุด เพราะว่าครูของเค้าอยู่ก้บเค้าตลอดเวลา(เป็นครูที่ค่าตัวถูกที่สุดเพราะว่าไม่มีค่าจ้างใด ตอบแทนเลย มีแต่ความชื่นใจเท่านั้นเวลาลูกพัฒนาไปเรื่อย ๆ )

บางคนถามว่าเอ้าไม่สอนเชิงวิชาการเลยแล้วจะไปสู้กับคนอื่นทันไหม แล้วอีกหน่อยจะโง่ไหม

คือเราเน้นพัฒนาการของเด็กอะคะ คือถ้าให้นึกถึงเด็กปฐมวัย วัยอนุบาล ล้วนแล้วแต่อยากเล่น อยากเคลื่อนไหว แสดงว่าถ้าเราเสริมทักษะให้ตรงกับพัฒนาการของเค้ามันน่าจะง่ายกว่า คือ เอาง่าย ๆ ถ้าเราสอนให้เค้าใช้ทางด้านร่างกายเล่น ปียป่าย ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ จะไปได้เร็วกว่าจับเค้ามานั่งอ่านหนังสือเขียนหนังสือตามคุณครูในห้อง คือ แรงกระตุ้นที่จะทำในสิ่งสองสิ่งมันต่างกัน ความอยากมันต่างกัน เพราะว่าเค้ายังอยากเคลืนไหวเยอะ ๆ อยู่  แต่ว่าพอวุฒิภาวะเค้ามาอายุเยอะขึ้นเค้าจะพร้อมทีจะนั่งฟังเรานานขึ้น เเล้วพร้อมจะทำในสิงทีเราอยากจะสอนเค้าได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นไม่น่ากลัวหรอกคะ เดี่ยววัยเค้ามาอายุมาพัฒนาการมา เดี่ยวเราก็จะทราบเองว่าเราควรจะสอนเค้าอะไรแล้วต้องทำอย่างไร ตัวเค้าเองนั้นละคะเป็นคนกำหนดแผนการสอนของเรา

และคำถามยอดฮิตคือ อีกหน่อยไม่มีสังคม เข้ากับคนอื่นไม่ได้ ไร้วินัย ไร้ระเบียบ

ทั้งหมดของคำถามนี้จริง ๆ เราอยากให้ย้อนมองดูแค่ครอบครัวพอ ถ้าครอบครัวมีสังคมเป็นคนดี มีมารยาท เคารพกฎ ไม่ต้องห่วงหรอกคะ เค้าคงไม่ฉีกเเนวมาก ทุกอย่างพื้นฐานคือครอบครัว ถ้าแบบอย่างดี ไม่มีอะไรน่ากลัว ไม่งั้นจะมีคำพูดว่า พ่อแม่เป็นอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น(แต่ว่าถ้าพ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงเลยให้คนอื่นเลี้ยงเค้าก็จะเป็นเเบบคนที่เลี้ยงเค้า ดังนั้นก่อนตัดสินใจส่งลูกให้ใครเลี้ยง บวก ลบ คูณ หารดีดีนะคะ)
การไม่มีสังคมไม่น่าจะเกี่ยวเพราะว่าลูกชายก็มีเพื่อนปกติ และ เพื่อน ๆ เค้า ก็ไปโรงเรียนปกติ เรามีสังคมลูกเราก็มีสังคมคะ เพียงแต่เค้าจะแตกต่าง เราก็ต้องบอกเค้าถึงความแตกต่างอธิบายให้เค้าฟัง  แล้วถามความสมัครใจของเค้าว่าอยากจะต่างหรืวว่าอยากจะเหมือนในเมื่อเค้าเลือกอยากจะต่าง ให้แม่สอนให้พ่อสอน เรา ก็ต้องจัดสมดุลย์ให้ดี คือ พาเค้าทำกิจกรรม พาเค้าเจอเพื่อน บ้างตามสมควร และจุดที่สำคัญมากคือ การทำโฮมสคูล เราไม่ได้หมายความว่า เรา เจ๋งกว่าคนอื่น  ไม่มีการพูดพาดพิงใด ๆ ให้ลูกรู้สึกว่าเราเหนือกว่า หรือว่าพูดให้ลูกรู้สึกประหลาด เราต้องทำให้เค้ารู้ว่าเค้าแตกต่่าง แต่ว่าการเเตกต่างนั้นปกติไม่ได้ผิดอะไร ไม่เสียหายด้วย ตรงนี้พ่อแม่เวลาตอบคำถามคนอื่นในความคิดเราคือ ควรตอบอย่างมั่นใจว่า ทำโฮมสคูลคะ เรามั่นใจลูกเราก็จะมั่นใจ

สุดท้ายอ่านไปอ่านมา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ครอบครัว หน่วยของสังคมที่เล็กจิ๋วที่สุดแต่ว่ามีพลังมหาศาลนะคะ สังคมจะดีไม่ดีขึ้นอยู่กับทุกครอบครัวสร้างผลผลิตออกมานะคะ ให้ความสำคัญกับครอบครัวกันเยอะ ๆ เพราะว่าเราตัดสินใจมีเค้าออกมาเเล้ว เค้าจะดีหรือว่าไม่ดี ไมได้ขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถทำมาหาเงินได้มาหาเงินได้มากมายเเค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณทุ่มเทเเละมีเวลาให้เค้ามากเเค่ไหน  (พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องหาเงินนะคะ แต่ว่าหมายความว่าหา แบบไม่ต้องอะไร ๆ ก็ลงที่งานไปซะหมด หาแต่เงินไม่มีเวลาให้ลูก ลูกไม่รู้หรอกคะว่าคุณมีเงินมากแค่ไหน เค้าสนใจแต่ว่าคุณมีเวลาให้เค้าเเค่ไหน)

มีคนเคยบอกว่าเลี้ยงลูกเหมือนซื้อที่ดิน กว่าจะงอกเงยให้กำไรอะ ไม่ได้ใช้เวลาเเค่ปีเดียว แต่ว่าเมื่อถึงเวลา ผลกำไรนั้นย้อนกลับมามหาศาล

บ้ายบายคะ ขอให้สนุกมีความสุขกับครอบครัวกันเยอะ ๆนะคะ

วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

review number again and again

เรื่องตัวเลขม่าม๊ายังคงทำซ้ำแค่เลขหนึ่งถึงสิบ ให้โชกุนคล่อง ทำซ้ำไปซ้ำไป นับไปนับมากิจกรรมเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อย่างวันนี้กิจกรรมของเราก็ทำโดยม่าม๊าสแตมป์ตัวสัตว์ให้โชกุนนับ แล้วให้โชกุนปั๊มตัวเลขให้ตรงกับจำนวนของสัตว์ ทำได้ถูกหมด แต่ว่ายังคงมี สับสนเลข หก กับเก้านิดหน่อย ไม่เป็นไรไม่เครียด ค่อย ๆทำซ้ำอีกเดี่ยวก็หายงง ไม่รีบไม่เร่ง เน้นช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่ว่าเอาชัวร์มีรูปมาฝากกันคะ




วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

let's make non toxic homemade cream

เนื่องจากตัวม่าม๊าอยากได้ครีมที่เราไม่ต้องไปซือ้ไปหาที่เค้าใส่สารเคมี สารกันเสียให้เรา เพราะว่าเราใช้กันทั้งคู่ เลยนั่งดูสูตรมากมายเเล้วมาชวนลูกทำผลที่ออกมาเลิศมาก ม่าม๊าสามารถมีครีมใช้โดยไม่ต้องซื้อหาเเล้ว ดีใจสุด ๆ แถมลูกเราก็สามารถเรียนรู้ไปว่าทุกอย่างเราสามารถพึ่งพาตนเองได้(ถึงแม้เค้ายังเด็กแต่ว่าเค้าก็จะเห็นวิถีชีวิต และการดำรงชีวิตในวิถีของพ่อแม่) ก็คงจะค่อยๆ ซึมซับกันไป มาดูวัสดุอุปกรณืทำครีมกันดีกว่า




 วัสดุอุปกรณ์เเสนง่าย น้ำมันจากธรรมชาติ อาจะจเป็นน้ำมันมะกอกน้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา อะไรก็เอามาใส่เถอะคะจากธรรมชาติดีหมด
beewax (ใส่ในกรณีต้องการทำให้ัมันเป็นครีมล้างเครื่องสำอางได้ด้วย)ถ้าเราไม่ต้องการให้เป็นครีมล้างเครื่องสำอางเราก็ไม่ต้องใส่bee wax
shea butter
กวนทุกอย่างรวมกันถ้าเราจะทำให้เป้นครีมล้างเครื่องสำอาง เราก็ต้องตั้งไฟเพราะว่าต้องละลายเจ้า beewax แต่ว่าถ้าเราจะทำครีมทาผิวเราก็ไม่ต้องตั้งไฟคะ เอาทุกอย่างมาตี ๆ ผสมๆ กันมันจะกลายเป็นครีมจากธรรมชาติ 100 % ให้เราได้ใช้เลยคะ

                                                          หน้าตาออกมาทำนองนี้




 ตัวอย่างคลิปที่สอนทำ ชอบดูมาก เราก็ดูแล้วก็มาทำกิจกรรมกับลูก สนุกไปอีกแบบนะคะ


วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

หายไปนาน

หายไปนานไม่ได้หายไปไหนนะคะ พอครอบครัวของ ด.ช.อิสระ ช่างเสนาะ กำลังวุ่นกับการเปิดร้านบ้านอิสระ อยู่คะ ร้านขายผักปราศจากสารเคมี และสินค้าสุขภาพ เลยวุ่นเตรียมงานกันทั้งสามคน รวมถึงโชกุนด้วยต้องช่วยป่าป๊าม่าม๊า แพ็คของขาย ช่วยขายของ อีกช่องทางนึงที่เราจะคุยกันง่ายขึ้นนะคะ ไปเจอกันได้ในfacebookคะ
งั้นอย่าว่างั้นงี้เลยนะคะ ฝากเพจของร้านบ้านอิสระด้วยนะคะ http://www.facebook.com/Raiissara ขอบคุณมากคะ แล้วพอร้านลงตัวงานลงตัวม่าม๊าแนนจะกลับมาเริ่มทยอยลงกิจกรรมของคุณอิสระ อีกครั้งคะ