วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อีกหน่อยผู้ใหญ่จะสอนเด็กยังไงว่าไม่ให้ติดเกมติดคอม

ธรรมดาการวิจัยก็ได้มีการสำรวจออกมาเเล้วว่าเด็กไทยอ่านหนังสือน้อยมากถึงมากที่สุด เเล้วตอนนี้มีเจ้าเทคโนโลยี tablet คอมพิวเตอร์ความเร็วสูงปรีดสส มาอีก ใคร ๆ ก็ติดใจเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เเบบนี้กัน สะดวกรวดเร็ว ปานสายฟ้า มีทุกสิ่งหวานหอมอยู่ในนั้น จะเอาอะไรละ ทุกสิ่งให้เลือกสรรมากมายจริงๆ ฟังดูแล้วมันมีแต่สิ่งดีดีเลิศ ๆ ทั้งนั้นเลย แต่ว่าผู้ใหญ่สมัยนี้ไปไหนก็ติดไอ้เจ้า ipad tablet อะไรกันไปหมด ว่างก็เอาละพกกันขึ้นมาบางคนติดมากนั่งก้มหน้าก้มตากันอยู่ในจอสี่เหลี่ยมๆ อันนี้ เด็กน้อยวันนี้มีตัวเเบบที่ดีกันเเล้ว ทุกคนมีคนละเครื่อง เมื่อว่างปึ๊บก็จะหยิบขึ้นมาป้๊บ แล้วก็ชี้ชวนให้เด็กหันมาเล่นกันนะจ๊ะ มี apps มากมายนะฝึกสมองขั้นเทพ แต่ว่าอยู่ในจอสี่เหลี่ยมนี่นะ ดูในนี้นะ พอเด็กติดเเล้วจะห้ามเด็กสอนเด็กกันได้อย่างไรละนี่ ก้ตัวเองยังติดกันเลยน่าเป็นห่วงมาก

มีคนคัดค้านเราสองคนมากมายว่าประสาทโอเวอร์ ทำไมไม่ให้ลูกตามโลกที่ทันสมัย อีกไม่นานลูกต้องโง่ ตามคนอื่นไม่ทันแล้วมานั่งด่าเราสองคนว่าทำไมไม่ให้เล่นสิ่งพวกนี้ เราสองคนยอมให้ลูกโง่ในสายตาคนอืนที่ว่าเราดีกว่าเพราะว่าเหตุผลดังต่อไปนี้

1 ถ้าเราเลี้ยงลูกไปเปิดคอมไปเล่นไป นั้นคือเราไม่ใสนใจลูกเเล้วความสนใจลดลงทันที เด็กไม่ใช่ศูนย์กลางอีกต่อไป และ เด็กก็จะซึมซับวิถีของพ่อแม่ว่าวัน ๆ สองคนนี้ก้เล่นแต่เกมคอมเล่นเน็ต ดูทีวีด้วย

2 เราสองคนไม่ชอบให้ลูกเห็นโลกกว้าง ๆ มาย่อในจอสี่เหลี่ยมเเคบ ๆ นี้ ความจริงมันจะสนุกมากถ้าเค้าได้ออกไปสัมผัสจริง ๆ ทดลองจริงๆ

3 เราสองคนไม่ต้องการให้ลูกติดเกม ตืดสื่อ ยังไม่เคยเห็นเด็กคนไหนได้เล่นเเล้วไม่ติดอย่าว่าเเต่เด็กเลยเราเอง
แก่ ๆ กันเเล้วยังติดเลย

4 ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาใช้คอมพิวเตอร์เป็นตั้งเเต่อายุยังไม่ถึงห้าขวบ เพราะว่าควรจะใช้มือไปทำอย่างอื่นมากกว่าในการฝึกกล้ามเนื้อมือให้เเข็งเเรง ได้ฝึกหรือยังการตัดกระดาษ ฝึกเล่นแป้งโด ฝึกร้อยลูกปัด ฝึกติดกระดุม มากมายหลายสิ่ง ไปฝึกกันให้คล่องก่อน น่าจะดีกว่า จะได้พร้อมทำงานได้หลากหลายไม่ใช่ทำเป็นแต่ คลิก ๆ กด ๆ เด็กวัยนี้ยังคงไม่ต้องหาข้อมูลใน google มาทำรายงานมั้ง

5 ถ้าจะโง่เพราะว่าไม่ได้เล่นอินเตอร์เน็ต เรายอมดีกว่า เพราะว่าเราไม่อยากได้คนฉลาดที่ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นนอกจากการจมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ งั้นคนโบราณที่เค้าประดิษฐ์สิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้มากมายเค้าได้มาจากไหน google ก็ไม่มี ก็เค้าใช้สมองของเค้าคิดค้นคว้าจากหนังสือ และลงมือทำทดลองไปเรื่อย ๆ จนสำเร็จ ใช่แต่ว่าโชคดีที่คนสมัยนี้มันมีอินเตอร์เน็ตเราจะค้นคว้าอะไรก็ง่ายมีประโยชน์แต่ว่านั้นหมายถึงสำหรับผู้ใหญ่แล้วไม่ใช่เด็กเล็กสำหรับผู้ใหญ่มันดีมากในการค้นคว้าข้อมูลเเละนำไปต่อยอดซึ่งดีมากสำหรับผู้ใหญ่และเด็กที่โตเเล้วต้องค้นคว้าหาข้อมูล เด็กเล็ก ๆ หนังสือยังอ่านไม่ออกเลยจะให้ค้นคว้าอะไรจากในจอนี้ จะบอกว่าก็ให้เล่นเกมพัฒนาทักษะจากในคอมสิจะได้อ่านหนังสือออกเร็ว ๆ ย้ำคำเดิมว่า ไม่เป็นไรขอไปตามวัยดีกว่า ถ้าจะต้องใช้สื่อการสอนจริง ๆ ทำเองได้ ไม่ชอบพึ่งพาเทคโนโลยีแบบนั้นให้กับลูก และไม่เคยกลัวว่าลูกจะใช้คอมไม่เป็นคอมสมัยนี้ใช้ง่ายมากกว่าเดิมเยอะ สมัยเราสองคนเล็ก ๆ ก็ไม่มีอินเตอร์เน็ตไม่มีคอมใช้ก็เติบโตมาใช้คอมพิวเตอร์เป็นไม่เห็นมีไรน่าตกใจเลย

ทั้งหมดนี้แค่ส่วนนึงที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเรื่องเทคโนโลยีกับเด็กเล็กไม่ใชหมายความว่าลูกเข้าสู่วัยที่่ต้องหาข้อมูลเราจะไม่ให้ใช้ แต่ว่าเราสองคนจะให้ในเวลาที่เหมาะสม ของมันจะดีมากเลยถ้ามาเวลาที่เหมาะสม สิ่งสำคัญเวลานี้ตอนนี้คือให้ความสุขกับลูก และ พัฒนาทางร่างกายให้พร้อมรวมถึงปล่อยสมองให้คิดจินตนาการ เรียนผ่านการเล่นบูรณาการได้หลากหลายเด็กชอบเเละรักที่จะเรียนรู้ สอนเด็กเล็กต้องคำนึงถึงความสุขที่จะได้เรียนรู้ในปัจจุบันให้มาก ๆ เพื่อเป็นรากฐานในวันข้างหน้า แต่ว่าถ้าเราไปคำนึงผลของวันข้างหน้ามากเกินไปว่าต้องรู้นั้นนี้จะต้องเท่าเทียมคนอื่น เราอาจจะลืมใส่เรื่องความสุข ไปในใจของเด็กก็อาจจะเป็นได้

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รูปคนที่โชกุนวาดเอง

วาดเองโดยปราศจากการสั่งว่าต้องวาดอะไร โชกุนหยิบกระดาษมากับสีเทียนเเล้วเดินไปวาดเองเเล้วเอามาให้ดูว่าโชกุนวาดคนเหมือนมั้ย ในใจเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนที่เป็นพ่อแม่ที่ลูกเริ่มวาดรูปเป็นรูปเป็นร่าง บ้านเราไม่มีการสั่งว่า เอ้าระบายนั้นสิระบายนี้สิวาดนั้นให้ดูหน่อย เรามีแต่เตรียมอุปกรณ์ให้ใครอยากวาดอะไรวาดและไม่มีการวิจารณ์กันเวลาเค้าบอกว่าเค้าวาดอะไรออกมา เรามีแต่ถามเพื่อให้เค้าได้พูดออกมาอธิบายใช้จินตนาการของเค้าเล่าให้เราฟัง สนุกดีนะได้ฟังความคิดแล้วอินไปในความคิดของเค้า เราลองมาเลิกสั่งเด็กเเละดูถูกฝีมือวาดรูปของเด็ก ๆ กัน เถอะ เพราะว่าเคยได้ยินผู้ใหญ่ชอบวิจารณ์เวลาเด็กบอกว่าวาดอะไร ชอบวิจารณ์ปนขำไม่รู้สิ ส่วนตัวรู้สึกได้ว่ามันทำลายความมั่นใจอยากวาดไรวาดแล้วมาเล่าเลยลูก ม่าม๊าป่าป๊าพร้อมฟังไม่มีข้อเเม้ใด ๆทั้งสิ้น ฟังอย่างตั้งใจด้วยไม่ใช่ฟังแบบขอไปที

x'mas tree

ไม่ได้อับเดท บล็อค นานมาก จนลืมไปแล้วว่าทำอะไรไปบ้าง เริ่มจะกลับมาทำย้อนหลัง กิจกรรมที่ให้โชกุนทำอาทิตที่่ผ่านมา ก็มีประดิษฐ์ต้นคริสมาส กัน จริงๆ ประดิษฐ์ต้นคริสมาสนั้นทำได้หลายแบบตามใจคนเตรียมอุปกรณ์เลย ส่วนของม่าม๊าใช้กล่องโฟมที่เราได้มาจากการซื้อเห็ด มาให้โชกุนกินเลยเอากล่องที่เค้าแพคมาประดิษฐ์ซะเลย กิจกรรมนี้ก็เหมือนเดิมนะครับลูก ฝึกกล้ามเนื้อมือในการใช้กรรไกร จนตอนนี้ใช้คล่องมากสามารถตัดตามรอยได้ค่อนข้างเป็นรูปเป็นร่าง สวยงามเหมือนกันนะ และกิจกรรมนี้ก็ได้ฝึกจินตนาการในการตกเเต่งต้นคริสมาสของตัวเองอีกด้วย






วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ให้กำลังใจเด็กกันเถอะนะคะ

เเต่ก่อนตอนที่ลูกยังไม่สามขวบ ก็ทราบดีอยู่เเล้วว่า อะไรจะเกิดขึ้นบ้างเมื่อลูกสามขวบ ทุกสิ่งเกิดขึ้นหมดทุกอย่าง และเราก็เลือกที่จะปล่อยให้เกิดขึ้น เเละให้ความมั่นคงทางจิตใจตลอดเวลา
ปัญหาที่พบบ่อยให้วัยสามขวบนั้นมีไม่มากแต่ว่าก็หนักเอาการอยู่ เพราะว่าลูกเจอคนข้างนอกแบบรับรู้คำพูดคนข้างนอกแล้วไม่เหมือนตอนเล็ก แต่ว่าคนข้างนอกคาดหวัง กับเด็กว่าต้องทำได้ทุกสิ่งอย่าง เเล้ววิพากษ์วิจารณ์ จนลืมไปว่าเด็กก็มีจิตใจนะคร้าบ
ช่วงวัยนี้ลูกเริ่มมีอาการไม่ยอมสวัสดีคนอื่น ที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา จากที่เคยสวัสดีง้ายง่าย เเต่ม่าม๊าก็รู้อยู่เเล้วละว่ามันจะต้องมีอาการเเบบนี้ แต่ว่าเราสองคนเลือกที่จะให้จับมือลูกสวัสดีเเล้วก็ให้กำลังใจว่าคราวหน้าเอาใหม่ แต่มักจะมีผู้ใหญ่ที่เค้าลืมวัยเด็กของเค้าไปแล้ว มักจะบอกว่า ไม่เห็นเก่งเลยไม่ยอมสวัสดี หรือว่า ทำไมไม่สวัสดีละ สู้น้องก็ไม่ได้น้องเก่งกว่า(บอกตรงๆ เบื่อมากเล้ยคำแบบนี้ คนก็คนละคนน้า วัยก็คนละวัย แล้วคุณก็ไม่ใช่คนเลี้ยงลูกเรานะเเต่ว่ามาทำร้ายจิตใจลูกเราอีกละ) เด็กต้องเป็นทุกคน แต่ว่าผู้ใหญ่ไม่เคยให้ก้าวผ่านปัญหาไปอย่างสบายใจมักจะมีคำพูดให้บั้นทอนบ้าง หรือว่าขู่บังคับบ้างว่าต้องทำสิเเม่อายเค้านะทำไมลูกไม่สวัสดีเหมือนแต่ก่อน มากมายก่ายกอง เเล้วลูกก้ต้องยืนรับรู้อยู่ทำไมผู้ใหญ่ ไม่ให้โอกาสเด็กบ้างเลยคร้าบบบบบบ เพิ่งเจอก็ตำหนิก่อนเลย ทุกคนคาดหวังมากมายกับเด็กนะนี่ พอไม่ทำก็เอาเเล้วเหมือนว่าไม่ได้เรื่องเลย ไม่เอาไหนเลย คาดคั้นเหลือเกิน
ปํญหาตามวัยเป็นสิ่งที่ต้องเกิดเพราะว่าเเสดงให้เห็นพัฒนาการของเค้าไปอีกขั้นแต่คนชอบให้สิ่งปกติเป็นสิ่งผิดปกติเเละเลวร้ายมาก จนลืมไปว่า เด็กศักยภาพคือเด็ก
อยากจะบอกว่า อยากให้ให้เกียรติเด็กเหมือนเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งเเต่ว่าคาดหวังเค้าในฐานะเป็นเด็ก ไม่ใช่คาดหวังเกินตัว
ก่อนจะพูดอะไรกับเด็ก ให้นึกว่าเด็กก็คือผู้ใหญ่คนหนึ่งการให้เกียรติเค้าเท่ากับว่าเราสอนให้เค้าให้เกียรติโดยการทำให้เค้าเห็นปฎฺบัติให้เค้าดู ไม่ใช่สั้่งสอน วันนึงเมื่อต้นไม้โตเต็มที่ สิ่งดีดีที่สั่งสมไปจะออกดอกออกผลออกมาเอง ไม่ต้องใส่สารเร่งมาก ด้วยความใจร้อน เด็กไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ เค้าเหมือนต้นไม้ที่ต้องค่อย ๆ ดูเเลตัดเเต่งเเก้ไขกันไป เเล้วก็เจริญเติบโต ไม่ใช่ สอนเเล้วทำไมไม่ทำบอกกี่ครั้งเเล้วทำไมไม่จำ จริง ๆ เค้าจำได้ละแต่ว่าเค้ายังอยากจะทำแบบนี้อยู่ถ้าเราคงเส้นคงวาเดี่ยวเค้าก็จะปฏิบัติตามเราเอง ก่อนที่จะพูดกับเด็กอยากให้นึกว่าถ้าเป็นเราโดนคนอื่นที่เพ่ิงรู้จักวิจารณ์เลยทันที ในข้อเสียของเราเราจะพอใจหรือไม่ นั้นละเด็กก็เหมือนกันเค้าคงอยากให้คนให้กำลังใจเเละค่อย ๆ สอนเค้ามากกว่า มาสั่ง เค้า ดุ เค้า วิธีนั้นเห็นผลเร็วเเน่นอน แต่วันหนึ่งเมื่อเค้าปีกกล้าขาเเข็ง พร้อมบิน นั้นละเค้าเเข็งเเรงกว่าเราเเล้วเค้าก็คงจะทำกับเราเหมือนที่เค้าโดนในวันที่เค้ายังอ่อนเเออยู่
เรื่องนี้ที่เขียนขึ้นมาแค่อยากจะบอกให้ผู้ใหญ่เข้าใจเด็กกันให้มาก ๆ ขึ้นกว่านี้อย่ามองเด็กว่าเป็นสิ่งที่เรากระทำกับเค้าได้หมด สั่งได้ทุกอย่าง ที่เขียนไม่ใช่เพราะว่าลูกตัวเองกำลังมีปัญหาเลยปกป้อง เเต่ว่ามาเขียนอย่างเข้าใจเพราะว่าแต่ก่อนทราบปัญหา และเจอแต่เด็กคนอื่นทำยังไม่ค่อยพบเจอปัญหาที่จะส่งผลถึงตัวเด็กเพราะว่าเราไม่ได้เลี้ยงเค้าเราก็จะเเค่เห็นว่าอ่อวัยนี้เค้าจะไม่ค่อยทำในสิ่งที่เค้าเคยทำมาง่าย ๆ นะ เเล้วมักจะโดนผู้ใหญ่ว่าว่า ดื้อนะ คือเรายังไม่ได้มายืนตรงจุดเลี้ยงเด็กเต็ม ๆ เรายังไม่เข้าใจมากหนักแต่ว่าเราก็ไม่เคยว่าเด็กนะเราเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องเกิด แต่ว่าพอมาเจอกับลูกตัวเองมักจะโชคดีมากเจอผู้ใหญ่ที่เค้าเห็นว่าเราก็คงเป็นเด็กคนนึงเหมือนกันเลยกล้าที่จะพูดและถามในสิ่งที่ลูกเราทำแบบบางทีเราสงสารลูกเราว่าเฮ้อลูกเอ้ย เดี่ยวอาการแบบนี้มันก็จะหายไปเองม่าม๊ากับป่าป๊าเข้าใจนะ สังคมมันก็เป็นอย่างนี้ละคาดหวังความสมบูรณ์แบบแต่ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นก็คือเเสดงแบบให้เด็กเห็นว่า ไม่ให้เกียรติผู้อื่น เจอกันก็วิจารณ์เราเลยถ้าต้องให้เจอคนเยอะ ๆ สะเปะสะปะ แล้วได้รับมลพิษ ม่าม๊าป่าปีาเลือกเจอคนน้อย ๆ แต่ว่าเจอแต่มิตรดีดีก่อนดีกว่า ในวัยนี้จะได้เติบโตไปแบบไม่ต้องเสียกำลังใจ
ปล ผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์เด็กมาก ๆ จนลืมนึกถึงใจเด็ก อยากให้ลองคิดใหม่ เเล้วอย่าก้าวก่ายหน้าที่ของพ่อเเม่เค้า ถ้าพ่อแม่เค้ารู้จักกับคุณเเล้วก็ดูมีมารยาทดี จงปล่อยวางเเละเชื่อว่าเค้าจะสอนลูกของเค้าเองว่าต้องทำอย่างไร ขึ้นอยู่กับวิธีของครอบครัวเค้า เราเป็นคนอื่น เราก็ต้องให้เกียรติเค้านะคะ เพราะว่าไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นว่านอกจากไม่ให้เกียรติเด็กแล้วยังไม่ให้เกียรติพ่อแม่ของเด็กอีกคะ เราสองคนเชื่อว่าถ้าเราเอาใจใส่ต้นกล้าด้วยวิธีทีเหมาะสมกับพันธุ์ไม้ที่เราปลูก ต้นไม้แต่ละพันธุ์วิธีการดูเเลยังไม่เหมือนกัน เด็กก็เช่นกันมีลักษณะแตกต่างกันไปถ้ารู้ลักษณะและวิธีการดูแลที่เหมาะสม วันหนึ่ง เค้าก็จะเจริญเติบโตงดงามเป็นต้นไม้ในอนาคตเเน่นอน

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

insect park @KU

ได้พาลูกไปเที่ยวในที่ที่ดี และ ฟรีอีกเเล้วครับท่าน เราไปอุทยานเเมลงกัน ไปเราไปเดินกันในโดมแมลงเจอผีเสื้อเยอะมากเเละร่มรื่นมากมีบันไดให้โชกุนเดินขึ้นไปรอบ ๆ โดม สนุกสนาน ประสบการณ์ที่ได้รับ คือ โชกุนบอกว่า ม่าม๊า ๆ เมื่อกี้ผีเสื้อ บินชนโชกุนเลย คือถ้าไปเดินที่อื่นยากมากกว่าจะชนผีเสื้อสักตัว หายากจริง เเต่ว่าเดินในนี้ร่มรื่นเเละผีเสื้อเยอะอย่างที่บอก พอเดินเสร็จเราก็เข้าไปเดินต่อตรงที่เค้าสตาฟ แมลงเอาไว้ เจ้าตัวตื่นเต้นใหญ่เพราะว่าได้เห็นเเบบใกล้ ๆ และเป้นตัวเป็น ๆ โชกุนเห็นในหนังสือมาเยอะของจริงก็เคยแต่ว่าของจริงมันไม่นิ่งแบบนี้ ไม่ชัด เดินอยู่หลายรอบพอสมควร เดินไปสงสัยไป ป่าปีาทำไมเค้าเอาเเมลงมาทำแบบนี้ได้ไง ป่าปีาก็มีหน้าที่อธิบายไป ตามระเบียบ เค้าสนุกได้ถามเราว่า อันนี้เรียกว่าอะไร เเล้วส่วนนี้เรียกว่าอะไร ตามประสาเด็กวัยกำลังถาม







คำแนะนำ ก่อนไปควรอ่านหนังสือเกี่ยวกับแมลงให้เค้าฟังอยู่บ้างเด็กจะมีความตื่นเต้นเมื่อเจอของจริง

สีฟูฟู





กิจกรรม สีฟูฟู นำมาจากหนังสือของ วนิษา เรซ อีกเช่นเคย

สิ่งที่ได้คือ

ลูกเรียนรู้ที่จะผสมสีเอาสีนั้นผสมสีนี้ ด้วยความอยากรู้ของเค้าเอง ไม่ใช่เราสั่ง เค้าจะมีความอยากรู้ออกมาเองเเละอยากทำเองอยากผสมเอง เราให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการทำ และเวลาเล่นไม่สังลูก ไม่บอกลูกมากไม่ขัดจังหวะในสมองเค้า ไม่ใช่ เอาอันนี้มั้ยลูก เอาสีนี้มั้ย วาดตาสิ วาดปากสิ เราจะปล่อยให้เค้าได้เล่น เพราะว่าการสั่งมากเหมือนว่าลูกเล่นตามที่เราบอกไม่ได้เล่นอย่างที่เค้าเล่น

ลูกได้ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก(กล้ามเนื้อมือ) เพราะว่าต้องใช้เเรงบีบ ทำไมต้องฝึกอยู่ได้ กล้ามเนื้อมือ คำตอบต้องฝึกสิคะ กล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กน้อยต้องใช้ต้องเตรียมความพร้อมก่อนที่จะต้องเขียนหนังสือ เมื่อเราฝึกเค้าเค้าจะมีความคล่องเเละสามารถยังคับทิศทางได้ดีทีเดียว เราไม่อยากข้ามขั้นว่า ยังไม่ทันจะฝึกอะไรเลยก็จับให้คัดหนังสือเเล้ว

ลูกได้ใช้สมาธิจดจ่อกับสิ่งที่เค้าทำเค้าจินตนาการวาดเอง
ปล เวลาเล่น เรามักจะเล่นเป็นเพื่อนกับเค้าคือนั่งเล่นไปด้วยกันไม่ใช่เล่นในบทบาทแม่ คือ สั่งการ เด็กจะหมดสนุก ดังนั้นจงสนุกไปกับการเล่นแบบเด็ก ๆ กันอีกรอบนะจ๊ะ

วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษเเสนสนุก







โชกุนเรียนรู้ภาษาอังกฤษกับม่าม๊าอยู่แล้วแต่ว่าที่เราไปเจอ teacher sam ด้วยเพราะว่าต้องการให้โชกุนได้เจอกับฝรั่งที่ใข้ภาษาจริง ๆ และในที่นี้ต้องไม่ใช่การสอนหนังสือ อยากให้ทุกอย่างผ่านการเล่น ดังนั้นบทสนทนาก็จะเป็นเรื่องการเล่นสนุกสนานเด็กได้ใช้ภาษาจากที่เราสอนไปจริง



ความจริงเเล้วจุดประสงค์หลักของการที่ทั้งเเนนและแชมป์เลือกสอนภาษาอังกฤษให้ลูกนั้นไม่ได้ต้องการถึงขั้นต้องพูดภาษาอังกฤษกันตลอดเวลา แค่พูดมาเเล้วเข้าใจพยายามอธิบายได้ มีคลังศัพท์ในสมองโดยที่ไม่ได้แปลสองชั้น(แบบรุ่นเราเราเรียนมา) มีทัศนคติที่ดีต่อภาษาอังกฤษ เท่านั้นเอง



สรุปเราสองคนต้องการให้ลูกมีทักษะและไม่กลัวภาษาคุ้นเคยกับภาษาและสนุกไปกับสิ่งที่เรียนรู้ ซึ่งทุกวันนี้ที่สอนมาเองเป็นปีก็ได้ผลทำใหคนสอนชื่นใจเเล้ว สามารถสื่อสารได้พูดได้อธิบายได้ ไม่เข้าใจก็บอกได้ ไม่รู้ก็บอกได้ ม่าม๊าจะทำต่อไปเพราะว่าม่าม๊าเองก็เรียนพร้อม ๆ กับโชกุนนั้นละ



วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หนังสือดีดี ที่ควรหามาอ่าน

วันนี้ได้มีโอกาสซื้อหนังสือมาอีกเล่มอ่านเเล้วดีจัง อ่านเเล้ว happy อย่างที่ในหนังสือบอก เลย ไม่มีอะไรเลย ในหนังสือเหมือนเอาปัญหาสารพันของลูกซึ่ง ๆ จริง ๆไม่ใช่ปัญหาแต่ว่าเป็นสิ่งพัฒนาตามวัยต่างหาก จริง ๆ น่าจะเป็นพ่อแม่เป็นคนมีปัญหาเอง เช่น เราต้องเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงลูก perfect สิ ลูกเราต้องดีทีสุดในสังคมต้องมีคนในสังคมชมสิว่าดี เก่งจัง อะไรทำนองนี้แต่ว่ามองข้ามใจลูกไป บางคนจะห่วงมากไม่ได้นะต้องเป็นเด็กที่ฉะฉานนะต้องตอบทุกคำถามผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักถามก็ต้องทำให้ได้ กล้าสิเดินไปซื้อของแค่นี้ต้องกล้า จริง ๆ อยากจะจับพ่อแม่ที่คิดเเบบนี้ย้อนกลับไปตอยอายุเท่าลูกจริง ๆ ว่า ตอนนั้นคุณก็รู้สึกแบบลูกนี่ละ จะไปฝืนทำไมปล่อยคนให้พัฒนาเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจมั่นคงไปอย่างธรรมชาติ เป็นผู้ใหญ่ที่อดทนรออย่างใจเย็นกันหน่อยเถอะ ได้โปรดๆๆๆ เเหมเด็กเพิ่งเกิดมาก็จะให้มีความสามารถเท่าตัวเองที่มีอายุ สามสิบ สี่ิสิบ ห้าสิบเลยรึไงจ๊ะ ท่องไว้ใจเย็น ๆ คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย เเละอีกหลาย ๆ ท่านที่เคารพ มนุษย์ไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ป้อนข้อมูลเเล้วจะให้ทำอะไรได้ดั่งใจทุกส่ิงทันที ให้ดอกไม้งามช้า ๆ แต่ว่ายั่งยืนและมั่นคงดีกว่านะจ๊ะ
ปล บางคนอาจจะบอกว่าอ่านนั้นนี่เยอะเกินไป จริง ๆ แล้วอ่านไว้เยอะ ๆ ก็น่าจะดีกว่านะคะ หาสิ่งที่ใช่ เอาหลายๆ เล่ม มาประมวลให้เข้ากับลูกเรามากที่สุด อ่านเพื่อเป็นแนวทางไม่ใช่พออ่านเล่มนี้ก็จะทำตามแบบเล่มนี้ เลือกสิคะเลือกเอง ปรับประยุกต์ให้เข้ากับชีวิตเราเท่านั้นเอง


วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ผมช่วยทำงานบ้านด้วยครับ



งานในบ้าน เราสองคนมักจะให้ลูกมีส่วนร่วมตลอด ทั้งที่รู้ว่ามีส่วนร่วมนั้นคือค่อนข้างเละ แต่ว่าเราสองคนคิดว่าปล่อยให้ทำให้รู้ว่าทำอย่างไร เราทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน เเล้วเค้าทำตามน่าจะดีกว่าโตเเล้วต้องมาบอกทีละสิ่งทีละอย่าง แถมเด็กก็ชอบด้วยเวลาที่พ่อแม่ไว้ใจเเละให้เค้ามีส่วนร่วมในงานบ้าน

กล้ามเนื้อมือ กับ ประสาทสัมผัส


เรามีกิจกรรมบริหารกล้ามเนื้อมือ และกระตุ้นประสาทสัมผัสมาทำกัน ไอเดียนี้นำมาจากหนังสือ ของ วนิษา เรส เช่นเคย ดีมากเลยเค้ามีกิจกรรมมากมายให้เราเล่นกับลูกมากมาย
อย่างกิจกรรมนี้ ก็เค่ซื้อสาคูมาต้ม ถุงนึงไม่กี่บาทเองใช้ได้หลายครั้งด้วยเพราะว่าต้มครั้งนึงก็เล่นครั้งนึง เเล้วก็มีพวกสีผสมอาหารซึ่งขวดหนึ่งใช้ได้โหหลายรอบมากเพราะว่าครั้งนึงใช้แค่หยดเดียวสีก็ชัดเจนเเล้ว ประหยัดถูกกว่าซื้อของเล่นอื่น ๆ เยอะ แถมลูกเล่นได้บ่อย ๆ อยากเล่นเราก็ทำให้ เท่านั้นเอง ไม่เปลืองเงิน


อย่างกิจกรรมนี้ โชกุนก็จะได้สัมผัสว่าเม็ดสาคูนี่เวลาจับเเล้วมันมีความรู้สึกอย่างไรนะ เเล้วเทน้ำสี ๆ ไป ๆ มา ๆ สนุกเค้าละ เเล้วป่าป๊า ก็เอากระชอนมาทำให้ดูว่านี่ถ้าเราจะเเยกเม็ดสาคูกับน้ำเราทำแบบนี้นะ เค้าก็รู้สึกโหสนุกได้ของเล่น(ที่มีในครัว) ได้เล่นว่าเอาน้ำเทใส่เม็ดสาคูก็ยังอยู่ที่เดิมดีจัง

ลองเล่นบทบาทสมมิตอื่นดูก็ได้ เช่น ขายชานมไข่มุก โอวัลตินไข่มุก ให้เค้าได้ลองใช้ทัพพี ตักน้ำ มาใส่ถ้วยใส่ชาม เอาสาคูใส่ไปด้วย เค้าเล่นได้นานทีเดียวเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เล่นได้นาน เเละ พ่อแม่ ได้กลับมาเล่นเเบบตอนเด็ก อีกครั้ง



พี่น้องต่างวัย

กิจกรรมของเด็กต่างวัยกันก็ต้องกิจกรรมคนละแบบ ไม่ใช่ต้องมาบังคับให้มานั่งทำสิ่งเดียวกัน เคยพาลูกไปเข้าคลาสsummer ของ โรงเรียนอนุบาลเเห่งนึงเเล้วผิดหวังมากเราไม่อะไรเลยนะที่จะมาให้เด็กรวมในห้องเดียวกัน เด็กเล็กเด็กโตอะ เเต่ว่าไม่ชอบใจอย่างมากในการบังคับให้เด็กเล็กกับเด็กโตมาทำกิจกรรมเดียวกัน เค้าจะไปสนใจสิ่งเดียวกันได้อย่างไร ถ้าแบบว่าไม่พร้อมและไม่professional พอ อย่ามาเปิดดีกว่าอย่างนี้เรียกว่าเอาแต่เงิน เช่น เด็กโตเค้าจะเป็นกิจกรรมที่นิ่งได้เเล้ว และ กิจกรรมที่เข้ากลุ่มเป็น ไม่ใช่ต้องมาบังคับเด็กเล็กมาเข้ากลุ่มต้องทำนะตอนนี้เสร็จผ่านไปประมาณสิบนาทีเอ้าเปลี่ยนกิจกรรมกันอีกเเล้วครับท่าน งง ไม่ชอบ กิจกรรมงง ๆ รู้สึกว่าเเทนที่จะได้ประโยชน์แต่ว่าอาจจะส่งผลให้เด็กไม่ลุล่วงในสิ่งที่ตนเองทำอยู่ยังไม่ไม่ทราบเหมือนทำงานไม่เสร็จกระบวนการ ทำนั้นทีนี่ทีไม่เป็นทีละอย่าง กิจกรรมหลากหลายมันก็ดีเด็กไม่เบื่อแต่ว่าหลากหลายให้มันทิศทางเดียวกันไม่ใช่เปลี่ยนจนเรายังเวียนหัว

อย่างกิจกรรมที่เราปล่อยให้ลูกเรากับหลานเราเล่น ก็เกี่ยวกับสีเหมือนกัน แต่ว่าคนละเเนวตอนนี้หลานอายุจะสองขวบชอบเล่นถ่ายน้ำจากภาชนะหนึ่งไปอีกภาชนะหนึ่งมาก เราก็เลยใส่สีผสมอาหารไปด้วยให้เค้าตื่นเต้น เค้าเล่นได้นานมาก ส่วนลูกผ่านมาเเล้วกิจกรรมเเบบนี้ ตอนนี้เค้าจะชอบเล่นนั่งระบายสี ตามใจสบายใจเค้ามาก เเม่มีหน้าที่หาสิ่งที่นอกเหนือจากกระดาษมาให้เค้าลองระบายให้เค้ามีความตื่นตัวในสิ่งใหม่ ๆ เเละสิ่งที่เเม่เตรียมก็ไม่ใช่อะไรวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย และไม่ใช่ของที่ต้องซื้อหาเลยด้วย ก็พวกเปลือกหอยเเมงภู่ที่ทานเสร็จเเล้วล้างให้สะอาดโหนั่งระบายได้นาน หรือ ที่บ้านมีอิฐมอญ อิญอะไรที่ยังไม่ได้ใช้หรือว่าเหลือ เราก็เอามาให้ลูกระบายสีเล่น คิดไปเล่นไปเเล้วแต่จินตนาการ








ว่าด้วยเรื่องจินตานาการนี่สำคัญจริง ๆ ตอนนนี้ลูกเราชอบตัดกระดาษเเล้วเค้ามักจะบอกว่า นี่เป็นไงเหมือนรถม่าม๊าเลย (คือถามจริง ๆไม่เหมือนเลยเเม้แต่น้อย) คือ ความสามารถเค้ายังไม่สามารถตัดให้ออกมาเหมือนได้ แต่ว่าสิ่งที่เรารู้ได้ทันทีคือ อืม ระหว่างที่เค้าตัดนี่เค้ามีภาพในสมองของเค้านะไม่ใช่ตัดไม่มีทิศทางเหมือนตอนเเรก ๆ ตอนที่เพิ่งเริ่มใช้กรรไกร แต่ว่าสิ่งที่เราต้องทำ คือ ยิงคำถามที่ต่อยอดให้เค้า เช่น เหรอลูกจริงด้วยเอ้ ตรงไหนประตูตรงคนขับนะม่าม๊ามองไม่ชัด ให้เค้าสนุกและมีกำลังใจต่อไปในการคิดและฝึกภาษาพูดไปเรื่อย ๆ แต่ ผู้ใหญ่บางคนจริงจังมากกับความสามารถเด็ก พอเด็ก เอามาให้ดูหน้าเริ่มขมวดทันทีเเล้วตัดความคิดเด็กได้ทันทีว่าเหรอไม่เห็นจะเหมือนเลยดูไม่ออก (เรากลัวมาก) ที่จะมีคนในบ้านมาพูดแบบนี้ เพราะว่าคนนอกบ้านยังไม่เท่าไหร่ ไม่มีอิทธิพล แต่ว่าคนในบ้าน ขอร้องนะคะ ช่วยยิงคำถามต่อยอดความคิดให้กับเด็กนะคะถือว่าช่วย ๆ กันสร้างให้ลูกให้หลาน ได้มีความคิดสร้างสรรค์สนุกสนานกล้าคิดกล้าพูดไม่ใช่ โอยไม่เอาดีกว่า เดี่ยวคราวหน้าบอกไป ลุงป้าน้าอาบอกไม่เหมือนไม่พูดดีกว่า บางทีเราอาจจะทำร้ายความรู้สึกของเด็กโดยที่เราไม่รู้ตัวนะคะ ฝาก ๆ ให้นึกเยอะ ๆ ก่อนพูดกับเด็ก สมองของเค้ายังมีพลังสร้างสรรค์มากมายปล่อยให้เค้าได้คิดกันเยอะ ๆ เถอะคะ เพื่อว่าอนาคตจะได้มีผู้ใหญ่ที่เป็นประชากรที่คิดเป็น ไม่ต้องเดินตามกันเป็นขบวนออกนอกขบวนไม่ได้

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

กิจกรรมที่ให้โชกุนเพลินมากวันนี้ได้เเก่ เปิดร้านขายของ เสริมสร้างจินตนาการ

กิจกรรมนี่ก็แค่มีน้ำให้เด็กตักเล่นผสมสีผสมอาหารเล็กน้อย พอกระตุ้น ต่อมสมองให้คิดสนุกจินตนาการเล่นเป็นขายน้ำนั้นนี่ตามที่เค้าคิดเอง เเล้วม่าม๊าก็เอาเม็ดแมงลักมาให้เล่นตัก ๆ ด้วย มีอุปกรณ์มากมายเหมือนเปิดร้านขายของย่อม ๆ ให้คิดเอาเองว่าอยากขายอะไร มีทั้งเปลือกหอยเเมงภู่ที่เรากินกันเกลี้ยงเเล้วก็ยังเอามาเล่น เเล้วก็เตรียมถ้วยชาม ช้อน ที่ตัก แม้กระทั้งเตาขนมครกให้ตักนั้นี่ใส่ไปในถาดขนมครก


สิ่งที่ได้เรียนรู้นั้นมากมาย

ได้ความสนุกสนานก่อนเลยอันดับเเรก เค้าได้เล่นผสมสีไปมา เล่นกับน้ำ(ไม่มีเด็กคนไหนไม่ชอบเล่นน้ำ)

ได้ใช้จินตนาการตัวเองเล่นบทบาทสมมติ เป็นพ่อค้า ขายของ มีการเอาน้ำใส่ถุงรัดปากถุง มีการกะปริมาณของน้ำ และของที่จะใส่ในถุง รู้จักถ่ายเทสิ่งของจากสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งหนึ่ง

ได้เรียนรู้ภาษา ในการซื้อของ ขาย ของ เช่น เท่าไหร่ เงินทอน รอสักครู่ยังไม่สุก หรือว่าขอผสมใหม่ก่อนนะครับตอนนี้หมด

แต่ว่าการเล่นจำพวกนี้ ตัวม่าม๊าเองแปลกใจมากว่าทำไมบางคนไม่ปล่อยให้ เด็กผู้ชายเล่น แบบใช้จินตนาการเเบบนี้ พวกขายของ เคยมีคนเห็นม่าม๊าปล่อยให้ลูกเล่นขายของ เค้าบอกว่าทำไมปล่อยให้เล่น ทำไมไม่ให้เล่นมีดต่อสู้แบบแมน ๆ ม่าม๊าว่าไม่เห็นด้วยอย่างมากทำไมเราต้องสอนความเป็นผู้ชายผ่านการเล่นรุนเเรงและใช้กำลังอย่างเดียวหรือนี่ ถ้าสอนเเบบนี้กันหมดอีกหน่อยผู้ชายในอนาคตคงไม่มีสมองเท่าไหร่คงจะใช้แต่กำลังเพราะว่าไม่เคยได้จินตนาการอะไรเลยกลัวนั้นนี่กลัวว่าเด็กผู้ชายจะเป็นเบี่ยงเบนทางเพศ ม่าม๊าสงสัยมากการที่เด็กผู้ชายเค้าสมมิตว่าเค้าเป็นพ่อค้ามันจะเบี่ยงเบนทางเพศตรงไหน จริง ๆ การสอนให้เด็กผู้ชายเป็นผู้ชายเราควรจะสอนให้เค้าสุภาพ ให้เกียรติคน มีมารยาทดีกว่าไหม อย่าไปมัวแต่กังวลว่าเล่นแบบนี้แบบนั้นเป็นการเล่นของผู้หญิง เราให้เค้าเล่นสมมติว่าเค้าขายของไม่ได้ให้เค้ากรีดตา ทาปาก อะไรให้เค้า ปล่อยเด็กให้ได้ใช้จินตนาการกันบ้างไม่ใช้ อะไรก็ต้อง เล่นเกม ดูทีวี เล่นคอม เล่นทั้งที่ให้เค้าเล่นเเบบมีสาระให้ฝึกสมองแบบในสิ่งที่จับต้องได้จริง ไม่ใช่เล่นต่อสู้ ฟันดาบ ชกต่อย อย่าลืมเด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เราใส่ปู๋ยอย่างไรเราก็จะได้ผลผลิตเช่นนั้น










วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ลูกชิ้น
















กิจกรรมที่ให้เด็กทำมีรอบตัว เด็กสามารถเรียนรู้ได้ทุกเรื่องได้ตลอดเวลา กิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือสิ่งที่พ่อแม่ทำอยู่เเล้วนั้นละคือสิ่งที่เด็กมีความตื่นตัวอยากจะรู้มาก ตัวอย่างวันนี้กิจกรรมง่ายมากกกก คือ เราจะกินลูกชิ้นปิ้งกัน เลยให้โชกุนเสียบลูกชิ้นไปในไม้ เเค่นี้เค้าก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเหมือนกัน
ได้เรียนรู้ว่า ของที่ยังดิบอยู่มีลักษณะอย่างไร ได้จับได้สัมผัส




ได้เรียนรู้ที่จะต้องระวังไม้ที่เสียบลูกชิ้นนะถ้าเสียบเร็วไปไม่ระวังไม้ก็ทิ่มมือ(ตรงนี้พ่อแม่ต้องคอยดูเเลแต่ว่าไม่ใช่ส่งเสียงระวังตลอดเวลากำกับดูว่าเค้าทำได้ก็ไม่ต้องไปบอกระวังๆอะไรมากมาย)คือ พ่อแม่ต้องมั่นใจเเละอย่าไปตื่นเต้นไรมากเหมือนเวลาลูกใช้กรรไกร ของพวกนี้เป็นของอันตราย เป็นของมีคม ต้องระวังแต่ว่าไม่ใช่ระแวงเกินเหตุ สอนเเละดูเเลพอ ของอันตรายถ้าไม่ปล่อยให้ได้มีโอกาสใช้เค้าจะไม่ได้ฝึกทักษะเลย ในที่นี้ก็ต้องคำนึงด้วยอันตรายในขอบเขตที่พอดี กรรไกร เราต้องให้เค้าฝึกทักษะให้เค้าเรียนรู้ว่าการใช้ของพวกนี้เค้าต้องถือต้องจับอย่างไร เวลาใช้ต้องไม่เดินไม่วิ่ง เป็นต้น



ได้เรียนรู้คณิตศาสตร์ นับลูกชิ้นว่าเสียบไปกี่ลูกแล้ว



เเค่นี้เด็กก็ได้เรียนรู้ผ่านสิ่งที่ทำปกติเค้ามีส่วนร่วมเค้าก็รู้สึกว่า เค้าโตเเล้วนะช่วยพ่อแม่ทำงานทำกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ ได้ อย่างเหตุการณ์ที่เค้าชวยเค้าก็จะพูดว่า โชกุนโตเเล้วช่วยทำได้ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

sink or float







กิจกรรมนี้เป็นการสอนเเบบต่อเนื่องจากกิจกรรมเล่นระบายสีบนกระจกปล่อยให้ระบายอิสระตามใจอยากวาดไรวาดอยากทำไรทำเอาสีไหนผสมกันทำเลย แต่ หลังจากเล่นเราต้องเก็บล้าง ระหว่างที่ล้างนั้นก้สามารถให้ลูกสังเกตุได้ว่าสิ่งของชิ้นไหนลอยชิ้นไหนจม โชกุนก็สนุกอีกเช่นกัน เพราะว่าได้เล่นน้ำเเละมีของอย่างอื่นมาเล่นด้วยแบบมีการหาคำตอบ(จริงๆจม ๆลอย ๆ นี่ม่าม๊าชี้ชวนให้สังเกตุตลอดอยู่เเล้ว แต่ว่าวันนี้ดูจะสนุกมากเป็นพิเศษ)
ดังนั้นเวลาเล่นเห็นมั้ยว่าต้องเล่นอย่างมีการแอบแฝงไม่ใช่เล่นไร้สาระ สักแต่ว่าเล่นเล่นแบบมีทิศทางเเล้วลูกจะได้ทั้งสนุกและได้เรียนรู้ไปด้วยตัวเค้าเองไม่ต้องไปสอนไรเลยแค่ทำหน้าที่จัดสถานการณ์ละให้ความช่วยเหลือเท่านั้น

pilican นกกระทุง


เรื่องของเรื่องคือโชกุนไปขี่จักรยานกับม่าม๊าทุกเย็นเเล้วไปเจอเจ้านกกระทุงนี่เข้าอยู่ที่หน้า รพ สัตว์ ในมหาวิทยาลัยเกษตร โชกุนสนใจมาก ม่าม๊าเลยจัดการหาข้อมูลสอน่านการเล่าเรื่องเเละดูของจริง โหยิ่งคุยกันยิ่งสนใจยิ่งสนุก แบบรู้เลยว่ามีพลังของความอยากรู้ (นี่ละมั้งที่เค้าว่าถ้าจัดการเรียนการสอนตามที่ผู้เรียนอยากรู้นี่แถบจะไม่ต้องทำไรมากเค้าจะถามและถามและสนใจมากๆๆ) ม่าม๊ามีหน้าที่ศึกษาข้อมูลที่เหมาะกับวัยโชกุน ทั้งภาษาไทยและอังกฤษเท่านั้นคอยเล่าให้ฟัง อย่างน้อยโชกุนทำให้ม่าม๊ารู้คำศัพท์เพิ่มขึ้นเลย



วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

พัฒนาการเรืองตัด ๆ แปะ ๆ

โชกุนมีพัฒนาการมากขึ้นเรื่องตัดกระดาษ และแปะกระดาษและสามารถนำมาสร้างเรื่องราวได้ จากจินตนาการตัวเอง เช่น ตัดกระดาษรูปนั้นรูปนี้เเล้วพยายามบอกว่านี่คืออะไร กิจกรรมนี้ ม่าม๊าตัดรุปทรงสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยมเเล้วนำมาประกอบกันเป็นบ้าน โชกุนสามารถทำตามได้โดยไม่ต้องบอกทำตามจากการสังเกตุ ภาพโดยรวมเรามีเหมือนกันคือบ้าน และท้องฟ้า ซึ่งสังเกตุได้ว่าโชกุนยังติดรูปบ้านกลับห้วอยู๋เนื่องจากทำตามจากฝั่งที่เห็นม่าม๊าติดแตว่าพอประกอบๆ กันเเล้วอย่างอื่นติดถูกฝั่ง (ตอนหลังรู้ว่าของตัวเองผิดฝั่งมีมาขอเปลี่ยน) และโชกุนขอทำวัว หมา เครื่องบินเพิ่มโดยให้ม่าม๊าช่วยตัดแล้วโชกุนระบายสีเพิ่มเติม














วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

art art

ช่วงอาทิตย์นี้ เราสองคนทำกิจกรรมศิลปะที่ใหม่ ๆ กันทำให้โชกุนชอบมากกว่าเดิมสนุกมากว่าเดิม เรามาวาดรูประบายสีกันบนกระจก ใบตอง ที่สวนหลังบ้าน มาดูภาพกัน


ม่าม๊าการที่ปล่อยให้เด็กได้ระบายสีในส่ิงที่นอกเหนือจากกระดาษทำให้เด็กตื่นตัวมากขึ้น และมีความสนุกมากขึ้น ได้คิดนั้นคิดนี่เอง สนุกไปกับจินตนาการของตัวเอง และแถมเป็นสิ่งที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้เช่น กระจกก็ลบใหม่ระบายใหม่ได้ ส่วนใบตองก็ย่อยสลายไปไม่เป็นขยะรกบ้าน ไอเดียนี้ชอบๆ ทำต่อแน่นอน




วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

คำว่า จินตนาการไม่สร้าง ขอได้โปรดอย่ามาทำลาย

จินตนาการ ผู้ใหญ่หลายคนอยากจะสร้างจินตนาการให้เด็ก กันทั้งนั้น แต่ว่าวิธีการที่จะสร้างจินตนาการนั้น ใช่ว่าจะง่าย เห็นส่วนใหญ่เหมือนจะสร้างจินตนาการ กลับกลายเป็นทำลายซะมากกว่า อยากให้ผู้ใหญ่เปิดใจรับฟังเด็กบ้างจังเลย บางคนเด็กวาดรูปพอเด็กบอกว่าวาดรูปนี้ ไม่เหมือนก็ทำร้ายเด็กว่า นั้นนะเหรอ สมมติว่าเด็กวาดเครื่องบิน (ไม่มีทางที่เด็กสองสามขวบจะวาดเครื่องบินได้เป็นเครื่องบิน หรือเด็กจะวาดสิ่งใด ๆในโลกได้เหมือนกับความเป็นจริง ) แต่ว่าเครื่องบินมันอยู่ในสมองเค้าเเล้ว เค้าคิดจินตนาการไว้เเล้ว แต่ว่าผู้ใหญ่มากมายหลายคน ก็มักจะบอกว่า นี่นะเครื่องบิน เครื่องบินอะไรทำไมไม่มีปีก ไม่มีล้อ (บ้าง)หลากหลายคำวิพากษ์วิจารณ์ ทำไม สร้างคำถามที่เป็นในเชิงสร้างสมองให้กับเด็กหน่อยจะได้หรือไม่ เช่น โห ไม่เคยเห็นเลยนี่คือเครื่องบินรุ่นใหม่เหรอนี่บอกหน่อยครับตรงไหนเรียกว่าอะไรบ้าง (คือตื่นเต้นไปกับสิ่งที่เค้าทำบ้าง) จะได้มีแรงใจไม่ใช่ โหย ไม่สร้างจินตนาการเเล้วยังจะมาทำลาย บางคนทำร้ายมากกว่านั้น มาวาดไม่เหมือนใช่มะ มาจับมือวาดนะ ได้โปรดปล่อยเค้าเถอะปล่อยให้เค้าได้ฝึกคิดฝึกกล้ามเนื้อมือของเค้าให้มันสัมพัมธ์กันเองอยากจะวาดไรวาดไป บอกมาว่าวาดอะไร

ไม่ว่าลูกจะวาดรูปอะไรก็ตามในความคิดม่าม๊าลูกวาดได้สุดยอดมากม่าม๊าอยากรู้ตลอดว่า ทำไมมันมีอะไรบ้างในรูป ม่าม๊าไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์รูปของโชกุนที่โชกุนวาดเลย และไม่เคยต้องการให้โชกุนวาดรูปให้เหมือน มันจำเป็นด้วยเหรอที่รูปของเราต้องเหมือนกับของคนอื่น และไม่เคยเลยที่โชกุนต้องระบายสีให้อยู่ในกรอบที่เค้ากำหนดนะห้ามเลยเส้น (ออกเสียเถิดกรอบให้เด็กวาดรูป) ทำไมต้องมาบังคับ

และอีกเรื่องที่เราทำกันมาหลายรุ่นหลายยุคหลายสมัย นั้นก็คือ การคัดหนังสือตามรอยประ


ทำไมละทำไมต้องมาบังคับให้คัดตามรอยประ เเค่เราทำให้เค้าดูเค้าสามารถเขียนได้เเล้ว มันจำเป็นมากเลยเหรอที่เด็กต้องมานั่งทำการบ้านตามรอยประ เราลองปล่อยให้คนเลียนแบบเองเเล้วทำตามเอง อยากให้เขียนในบรรทัดใจเย็นสักนิดเมื่อกล้ามเนื้อมือเค้าเเข็งเเรงเค้าจะบังคับเขียนในบรรทัดได้เอง ผู้ใหญ่อย่าใจร้อน ทำเป็นแบบให้เห็นพอเดี๋ยวเค้าเห็นเราทำซ้ำบ่อยครั้งไม่นานเกินรอ เด็กน้อย จะทำตามเอง ใจเย็นนิดนึงนะคะ




โชกุนไม่เคยได้รับการเขียนตามรอยประใด ๆ ทั้งสิ้น สามารถเขียน ก และตัว a ได้จริง ๆ ม่าม๊าไม่ได้อยากสอนตัวหนังสือตอนนี้ แต่ว่าเราอ่านนิทานกันทุกวันโชกุนถามม่าม๊าว่านี่ตัวอะไร ๆ เลยยอมสอนนิดหน่อยพอกั๊ก ๆ ไว้จะได้อยากรู้
ด้วยวัยเอาเวลาเล่นอย่างอื่นดีกว่าไม่ต้องรีบเขียนหนังสือมากมาย เล่นไปเถอะ สี ปั้นแป้งโด ปั้นดิน วิ่งเล่น นอกบ้าน กิจกรรมมากมายหลายอย่าง ไม่ต้องมารีบเรียนเขียนอ่านกันมากมาย เอาพอขำ ๆ เป็นเรือ่งสนุกสนานพอ ชีวิตวัยเด็กถ้าไม่ได้เล่น นี่ถือว่าไม่เคยผ่านวัยเด็กนะจ๊ะ จงทำวัยเด็กให้เป็นวัยเด็กที่มีความสุขเเละมีประสบการณ์ที่น่าจดจำ อ๋อเกือบลืมอีกเรื่อง ทำไมต้องมาสอนเด็กให้ท่องกันอยู่ได้ เลข 1-10 ก-ฮ a-z จะบอกว่าไม่มีประโยชน์อันใดเลยถ้าจะสอนให้เด็กจำเเล้วท่องได้ เพราะว่าเด็กแค่ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ว่าเด็กไม่ทราบว่าที่ท่องไปมันมีลักษณะอย่างไร สอนให้เด็กท่องอะไรสอนได้หมดละไม่ว่าจะยาวแค่ไหน แต่ว่าจะท่องทำไมนกเเก้วนกขุนทองเปล่า ๆ ไว้ถึงเวลาสอนไปเลยว่านี่คือตัวอะไร ม่าม๊าเองก็อยู่ในระบบที่ต้องท่องมาก่อนมาตอนนี้ก็ท่องไม่ได้อยู่ดี ก-ฮ เพราะว่าเวลาใช้จริงไม่ได้ใช้ท่องเราใช้เขียนใช้อ่านเลย โปรดๆๆๆๆๆ เถอะนะคะอย่าสอนให้เด็กเป็นนกเลย สอนให้เป็นคนดีกว่าคะศักยภาพของพวกเค้ามีเยอะกว่าที่จะมานั่งท่องเเล้วผู้ใหญ่ปรบมืออะคะว่า เก่งๆๆๆ โห ความจำดีมาก แค่นี้เราก็สอนให้เค้าจำเเล้วไม่ใช่ใช้ความเข้าใจเลย แต่ว่าอย่างว่ามันเห็นผลเร็วกว่านี่คะท่องสอนเเป๊บเดียวเด็กได้พอได้พูดออกมาโอ้ยเก่ง จัง เสร็จเเล้วต้องสอนอีกรอบว่านี่ตัวอะไร ๆ เอางี้ดีกว่าสอนทีเดียวรอบเดียวเลยให้เค้ารู้จักลักษณะของสิ่งเหล่านั้นเลย เเล้วเมื่อรู้จักครบเราอาจะจะเสริมให้เค้าท่องเป็นเพลงอย่างสนุกสนานเเล้วในสมองก็มีภาพสิ่งเหล่านั้นเรียบร้อย เป็นการทำงานทีเดียว ช้าแต่ชัวร์กว่าเยอะ รอเมื่อเค้าอยากรู้เค้าจะเริ่มถามเรามีหน้าที่หาวิธีบอกสอน วิธีการอยากให้เค้าอยากรู้เร็วก็ไม่อยากนี่คะแค่อ่านหนังสือไปกับเค้า ชี้ชวนกันไปมาไม่นานเกินรอเด็กก็ถามเเล้ว

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

volcano eruption

volcano theme



วันที่ 4 กย 54
โชกุนเคยเห็นภูเขาไฟแต่ในหนังสือ วันนี้เรามาทำภูเชาไฟกัน
อุปกรณ์
โซเดียมไบคาบอเนต
น้ำส้มสายชู
ดินน้ำมัน(แต่ว่าเราสองคนใช้แป้งโดวที่เก่าเเล้วเตรียมจะทิ้ง)
แก้วใบเล็ก ๆ
สีผสมอาหารสีเเดง
ถาด
วิธีการทำ
เอาดินน้ำมันพอกที่ขวดเเก้วให้มีลักษณะคล้ายภูเขาไฟ แล้วเอาโซเดียมไบคาร์บอเนตใส่ไปซักครึ่งหนึ่งเเล้วก็ใส่สีผสมอาหารเล็กน้อย หลังจากนั้นค่อย ๆ เทน้ำส้มสายชูลงไป มันจะเป็นฟองฟู่ ๆออกมาเป็นสีเเดงด้วย เพราะว่าเราใส่สีผสมอาหารลงไป เท่านี้โชกุนก็ได้เห็นภูเขาไฟระเบิดละ(เพราะว่าม่าม๊าคงจะไม่พาไปดูของจริง ๆ หรอกนะ 555)
แล้วพรุ้งนี้เรามาสนุกกันต่อเรืองภูเขาไฟ





วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พัฒนาการตามวัย กับ ความคาดหวังของผู้ใหญ่

หลังจากที่ม่าม๊าเลี้ยงโชกุนมาโชกุนก็มีพัฒนาการตามวัยมาตลอด เเละเเล้วก็ถึงพัฒนาการขั้นนึงที่ม่าม๊าและป่าป๊าคิดเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว ว่า มันจะต้องมีเสียงจากผู้ใหญ่ที่(ไม่เคยเข้าใจเด็ก) วิพากษ์วิจารณ์ เหตุการณ์ในวันนี้ก็คือ เราไปข้างนอกกันทำธุระที่นึงเเล้วก็ต้องนั่งสักพักเพื่อรอเพื่อนป่าป๊าทำธุระนั้นให้ ซึ่งโชกุนเองก็ไม่ได้รู้จักอะไร แต่ว่าลูกก็ยืนอยู่ข้างเค้า พอเค้าหันมาถามนั้นนี่ซักไซ้มากๆลูกก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไรยืนเฉย ๆ ซึ่งม่าม๊าก็ไม่ได้รู้สึกอะไรก็ลูกไม่ได้รู้จักเค้านี่หน่า ม่าม๊าก็ตอบคำถามแทนให้ เพื่อเป็นการแสดงให้ลูกเห็นว่า ถ้ามีคนถามเราก็ตอบอย่างนี้นะ โดยการที่ม่าม๊าไม่ตำหนิลูกเลยสักคำ เพราะว่าเข้าใจว่าเป็นวัย ลูกไม่สนิทไม่คุ้นก็ไม่คุย ผ่านไปผู้ใหญ่คนนั้นถามอีกคงอยากคุย ลูกก็ไม่คุย ผู้ใหญ่(ใจร้าย)คนนนั้น ตอบมาว่า นี่พูดได้รึเปล่า พูดเป็นมั้ยจะไม่พูดกับคนแปลกหน้าใช่มั้ย ไม่เห็นเหมือนช็อปเปอร์เลย คุยนั้นนี่ เอาละคะงานนี้ ไม่ทนแล้ว ม่าม๊าทนไม่ได้แล้วกับผู้ใหญ่ที่พูดจาไม่ให้เกียรติกับลูกเรา เลยตอบกลับอย่างสุภาพทั้งที่คำพูดที่เค้าว่าลูกม่าม๊านั้นถ้าไม่เป็นแม่คนนั้นก็ไม่เข้าใจหรอกว่ามันรู้สึกยัไง ม่าม๊าตอบไปว่า
ขอโทษนะคะ ดิฉัขออนุญาตินะคะ ลูกไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน และเพิ่งเคยเจอครั้งแรก ไม่น่าแปลกอะไรนะคะที่เค้าจะไม่คุยด้วยทันที ถ้าเจอครั้งแรกเลยแล้วคุยจ๋อย ๆ ทันที ดิฉันก็รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยอะคะ คือ ลูกอยู่ในวัยที่แยกแยะได้เเล้วคะคนว่าแปลกหน้าและคนคุ้นเคย ต้องให้เวลาเค้าสักพักคะ คือถ้าลูกอยู่วัยนี้แล้ว แต่ว่ายังคุยกับทุกคนไม่มีขอบเขตแยกเลยว่าแปลกหน้าและคุ้นเคยอย่างนี้ต้องหนักใจเเล้วคะ ถ้าวันนึงเราไม่ได้อยู่ตรงนี้กับเค้าเเล้วมีคนแปลกหน้ามาคุยกับเค้าแล้วเค้าเล่นด้วยทันที ก็คงไม่โอเคมั้งคะ แต่ว่าใช่คะเราต้องทำให้เค้าเห็นคะว่านี่เพื่อนของพ่อเค้าถ้าถามมาต้องตอบคำถามซึ่งเราก็ตอบคำถามแทนลูกเเล้วนี่คะ น่าจะหายสงสัยในคำถามนะคะ

สอง ตัวดิฉันเองไม่เคยเปรียบเทียบลูกกับใครทั้งนั้น ขอโทษนะคะ เค้าคนละวัยกันพัฒนาการย่อมแตกต่างกันจะเหมือนกันได้อย่างไร คนก็คนละคน วัยก็คนละวัย
บทสนทนานั้นจบลงอย่างราบเรียบ และผู้ใหญ่คนนั้นก็เงียบไป คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ม่าม๊ารู้สึกสบายใจมากที่ได้ตอบกลับผู้ใหญ่ที่ไม่ให้เกียรติเด็กบ้าง ไม่งั้นเค้าก็จะไม่ทราบว่าเค้ากำลังมองเด็กเป็นคนที่เค้าข่มได้ การใช้คำพูดว่า นี่พูดได้รึเปล่า ถามหน่อยว่า ถ้าคำถามนี้ถามกับผู้ใหญ่ด้วยกันอะไรจะเกิดขึ้น แต่ว่านี่ถามเด็กไงคะเด็กไม่มีทางสู้ ก็ต้องจ๋อยใช่มั้ยคะ แล้วพ่อแม่บางคนซ้ำลูกตัวเองอีกว่า ตอบสิ ๆ ขี้กลัวขี้อาย น่าเสียใจที่คำพูดที่ไม่ได้นึกถึงใจเด็กแบบนั้น เค้าไม่ทราบเลยว่าทำร้ายใจของเด็กไปเเค่ไหน

นั้นคือเหตุการณ์นึง มีอีกหลายเหตุการณ์มากมายที่โชกุนเจอในช่วงวัยนี้ เช่น สมมติว่าเจอคนที่เป็นญาติ แต่ว่าไม่คุ้นเคย โชกุนก็จะเงียบ ๆ ไม่คุยเล่นอะไร ผู้ใหญ่ทุกคนก็จะคุยสิ ๆ ทำไมไม่คุยคุยสิ หัวอกแม่อึดอัดแทนลูก ว่าลูกจะคุยอะไรน้อ เราเองเป็นผู้ใหญ่ยังไม่มีอะไรจะคุยเลย ขนาดผ่านโลกมาขนาดนี้แล้ว

อยากให้ผู้ใหญ่เข้าใจมองเด็กว่าเป็นเด็ก ไม่ใช่มองเด็กว่าเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็ก
เด็กใสมากและมากเกินกว่าที่จะเเสเเสร้งคุยกับคนแปลกหน้าได้ทันทีเหมือนผู้ใหญ่ ในชีวิตเค้าเพิ่งเริ่มต้น เพิ่งเรียนรู้อะไรมากมายบนโลกนี้ ขอเวลาปรับตัวหน่อย เดี่ยวผ่านพ้นไปเองวัยนี้แต่มีอยู่ที่ว่าจะผ่านไปอย่างมีความสุข หรือ ผ่านไปอย่างมีปม ว่าตัวเองทำไม่ได้

อยากให้ผู้ใหญ่ลองจินตนาการว่าตัวเองเป็นเด็กอีกครั้งว่ามันทรมานเพียงใดในการที่โดนผู้ใหญ่ที่เรียกว่า พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย คนในครอบครัว ผลักให้พูดให้เล่นกับคนแปลกหน้าทันที ต้องกล้า ต้องนั้นนี่ ทำไมเรา คือ คนที่เค้ารักที่สุด กลับกลายเป็นคนที่เราผลักเค้าแล้วให้เค้ามีความไม่สบายใจเกิดขึ้น ทำไมเราไม่ทำกับเค้าไปพร้อมเค้าทำด้วยกัน หรืออย่างเช่น สมมติว่าจะซื้อของ เด็กยังไม่แข็งเเรงและมีความกล้าพอที่จะไปเองคนเดียว ไม่เห็นเป็นไรที่เราจะเดินเคียงข้างเค้าก่อน ทำให้เค้าเห็นก่อน ทำพร้อมกันไปเรื่อย ๆ ผลัดกันทำผลัดกันซื้อสนุกสนาน ครั้งนี้แม่สั่ง ครั้งต่อไปลูกสั่ง การเรียนรู้ที่สิ่งเกิดจากความสุขไม่ได้เหรอ มันยั่งยืนและถาวรมากกว่า ไม่ต้องบีบบังคับให้ไปเอง ดูซิจะกล้ามั้ย ทำไมผู้ใหญ่เหล่านี้ลืมวันที่ตัวเองเป็นเด็กไปแล้วว่าตอนตัวเองนั้นก็อยากให้พ่อแม่เคียงข้างก่อนเดี่ยวถ้ามั่นใจทำได้เอง ยิ่งบีบยิ่งรู้สึกเหมือนทำไม่ได้สักที ทรมานใจจังที่จะต้องทำ

อย่างที่ป่าป๊าเคยเล่าให้ม่าม๊าฟังว่า เค้าบอกว่าเค้าตอนเด็ก ๆ โดนว่าตลอดว่าไม่กล้าไปติดต่ออะไรก็ไม่กล้า ไม่เก่ง เค้าบอกว่ามันทำให้เค้าเสียใจแล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหนเลย อาย หดหู่มาก ยังไงก็ทำไม่ได้กลัว (เชื่อมั้ยว่าตอนนี้ก็ยังเป็น) แต่ว่าด้วยความที่วัยโตขึ้นเลยคิดได้ว่าอ๋อไม่มีไรน่ากลัว แล้วเราต้องรอให้เด็กโตเหรอถึงคิดได้ให้เค้ากล้าเมื่อพร้อมให้ชีวิตมีความสุขไปดีกว่า เราเป็นพ่อแม่เปิดโอกาสให้ทำ ให้กำลังใจ แต่ว่าเมื่อไหร่ที่ลูกแสดงอาการว่าไม่พร้อมเราต้องยื่นมือให้เค้าก่อนในที่นี้ไม่ใช่ยื่นมือทำให้ทุกอย่างแต่ว่ายื่นมือให้เค้ารู้ว่าไม่เป็นไรพ่อแม่เคียงค้างก่อน พ่อแม่พร้อมสนับสนุน ไม่ใช้ไป ไป ทำเองเลย ป่าป๊าเค้าเลยคิดได้ว่าจะไม่มีวันพูดจาทำนองนี้เด็ดขาด เค้าบอกเลยลูกต้องกล้าจากความสุข และพร้อมที่จะทำฝึกโดยการที่เราอยู่ข้าง คอยเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่สั่งว่าไม่เห็นมีไรน่ากลัว(ใช่สิก็มันไม่น่ากลัวสำหรับผู้ใหญ่ แต่ว่ามันน่ากลัวสำหรับเด็กผิดด้วยเหรอ)สมมติว่าผู้ใหญ่อย่างถ้าต้องไปติดต่อกับฝรั่งหรือชาวต่างชาติคนเดียวอะกล้ามั้ย(ที่ต้องเปรียบเทียบว่าติดต่อกับชาวต่างชาติคนเดียว เพราะว่าจะได้นึกภาพออก เพราะว่าถ้าบอกว่าติดต่อกับคนอื่นแปลกหน้าก็ธรรมดาสำหรับผู้ใหญ่)ผู้ใหญ่หลายคนจะมองภาพไม่ออก ก็จะคิดว่าไม่เห็นจะมีไร แต่ว่าพอลองใส่ เงื่อนไขที่ว่าต่างชาติต่างภาษาเข้ามา น่าจะนึกภาพออกว่า อ๋อเด็กน้อย เค้าก็รู้สึกแบบนี้ นั้นเอง กลัววาจะสื่อสารรู้เรื่องมั้ย ไม่รู้จักกันเลย เค้าจะคุยกับเรามั้ย อยากให้รู้ว่าเด็กก็รู้สึกกังวลนะคะ
เพราะว่าการสั่งสอนไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าคนสั่งไม่ทำเป็นแบบอย่างที่ดีเด็กมองไม่เห็นภาพ
เด็กต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า แล้วมันแปลกด้วยเหรอที่เราจะเดินไปข้าง ๆ พร้อม ๆ กับเค้าก่อน นำทางเค้าก่อน

ที่พูดมาทั้งหมดไม่ใช่เพราะว่าเข้าข้างลูกตัวเอง ปกป้องลุกตัวเอง แต่ว่าสงสารเด็กทุกคนที่โดนแบบนี้แต่ว่าบังเอิญว่า ลูกตนเองก็โดนกระทำโดยคนที่เค้ารักบ้าง หรือ คนที่ไม่รู้จักบ้างเลยคิดว่า ไม่เห็นยุติธรรมเลยสำหรับเด็ก อยากบอกแทนเด็กว่า พวกเค้าไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก เค้า คือเด็ก ทำเป็นแบบอย่างให้กับพวกเค้าอย่าข่มและตำหนิให้มากหนักเลยมันไม่ใช่วิธีที่สร้างสรรค์

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ant





21 สค 54
เราเรียนเรื่อง มด กัน เราทำการทดลองเอาอาหารขนมสิ่งที่เราอยากรู้ว่ามดชอบกินมั้ยมาวางบนจานกระดาษ ไม่นานเกินรอมากันเพียบ งานนี้โชกุนเลยได้รู้ว่า มดชอบกินอะไรบ้าง ชอบกินของหวาน ๆ นี่เอง หลังจากนั้นเราก็มาเล่นเกมที่ม่าม๊าทำให้ เป็นเกมฝึกให้โชกุนมองภาพจากซ้ายไปขวา บนลงล่างเอาง่ายมองให้มันเป็นระบบระเบียบนั้นเองเกมนี้จะทำให้อีกหลาย ๆ รุปเลยนะครับจะได้ฝึกบ่อย ๆ ทักษะพวกนี้อยู่ที่การฝึกฝนฝึกบ่อยก็จะชำนาณเอง

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554

color wheel and blueberry chesse pie

3 สค 54 วันนี้เราเรียนรู้เรื่องสีกันว่าสีอะไรเอามาผสมเเล้วเป็นสีอะไรบ้าง ม่าม๊าก็พูดไปทำไปโชกุนก็ดูทำตามถามว่ารู้มั้ยว่าสีอะไรผสมแล้วเป็นสีอะไร ด้วยวัยโชกุนยังไม่รู้หรอกแต่ว่าจุดประสงค์ก็คือโชกุนรู้ละว่า อ๋อสีที่มีอยู่มันผสมกันได้แล้วเกิดสีใหม่นะนี่ มันสนุกตรงนี้ละ











และตอนบ่ายเรามาทำ blueberry chesse pie กัน




















โชกุนช่วยบดขนมปังช่วยคลุกและช่วยยุ่ง 555 หน้าตาออกมาเป็นอย่างนี้ครับ